รมว.คลัง เซ็นตั้งคณะกรรมการสอบโครงการประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี “วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย” เป็นประธานสอบ กำหนด 3 โจทย์หลัก “ตรวจกระบวนการคัดเลือก-ตรวจสอบทรัพย์สินก่อนส่งมอบ-รายได้สอดคล้องปริมาณส่งน้ำหรือไม่” ขีดเส้นส่งผล 20 พ.ค.นี้
วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในคำสั่งที่ สส 3/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพื่อทำหน้าที่ ในวันนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
1. ตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
2.ตรวจสอบทางกายภาพระบบท่อส่งน้ำ สถานีสูบน้ำ และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการส่งมอบและรับมอบ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อการจัดทำระบบสาธารณูปโภคและหรือผู้ใช้น้ำ
3.พิจารณาข้อมูลปริมาณน้ำที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ำว่ารายได้ที่นำส่งเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ 20 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ในหนังสือการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ระบุว่า ด้วยกรมธนารักษ์ใด้ดำเนินการจัดให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 และวันที่ 12 ก.ย. 2535
โดยได้จัดทำสัญญากับบริษัทกำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2537 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 ต่อมาบริษัทได้เปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และโครงการที่อยู่ระหว่างจัดทำสัญญาเช่า 2 โครงการ คือ โครงการหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2)
ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทบริหารจัดการ และชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกทั้ง 3 โครงการ ตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 กฎกระทรวงการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2564
และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการคัดเลือกเอกชนเพื่อจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุที่มีราคาเกิน 500 ล้านบาท พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2565 คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกผู้บริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกดังกล่าว โดยให้สิทธิการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี
จึงได้กำหนดให้มีการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 และได้มีการเลื่อนการลงนามสัญญาโครงการ ๆ เนื่องจากปรากฏตามสื่อสารมวลชนต่าง ๆ ว่า ยังมีข้อสงสัยในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่ม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก
โดยคณะกรรมการประกอบด้วย
1.นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ
2.นายปิยกร อภิบาลตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมการ
3.นายวิรัช เกตุนวม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมธนารักษ์ เป็นกรรมการ
4.นายดนัย วิจารณ์ ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล กรมธนารักษ์ เป็นกรรมการ
5.นายศุภชัย ตั้งวัฒนากร ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการสำรวจและฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ เป็นกรรมการ
6.นายชรินทร เข็มราช นิติกรชำนาญการพิเศษ เป็นกรรมการ
7.นายอาทร ยงกิตติธรากุล เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ชำนาญการพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ
8.นายพัฒน์พงษ์ อินทร์มั่น เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ชำนาญการพิเศษ ผู้ช่วยเลขานุการ
9.นายสยาม โพธิ์เกิด นายช่างสำรวจอาวุโส ผู้ช่วยเลขานุการ
และ 10.นายนพดล ธรรมโม นิติกรชำนาญการ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ