KJL ยื่นไฟลิ่ง เสนอขายหุ้นไอพีโอ 30 ล้านหุ้น

เงินบาท ตลาดหุ้น ปันผล
แฟ้มภาพ

บมจ.กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค  หรือ KJL  ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ mai ระดมทุนนำเงินพัฒนาขยายธุรกิจ

วันที่ 1 สิงหาคม 2565 นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ( IPO) จำนวนไม่เกิน 30,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.86% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม นับเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย ตลอดจนขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับ KJL

“KJL ประกอบธุรกิจหลักรับผลิตและจำหน่ายตู้ไฟ รางไฟ และอุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟทุกชนิดมากว่า 20 ปี ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเริ่มขยายตัวไปยังธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต” นายพายุพัด กล่าว

ด้านนายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิตตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ Sheet Metal Works ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย

โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากถึง 26 ปี ในการผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL รวมถึงการผลิตตามคำสั่งซื้อ (Made-to-order) จนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก ในการให้ลิขสิทธิ์แก่ KJL ในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตู้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รุ่น Prima iPM

ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน แบ่งใช้เป็น 5 ส่วน ประกอบด้วย

1.ลงทุนก่อสร้างโรงงานและเครื่องจักร เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อและการให้บริการในอนาคต

2.ใช้ในการลงทุนในระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงมลพิษจากการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตพรินต์ และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าในองค์กรเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

3.นำไปลงทุนศูนย์นวัตกรรม (KJL Innovation Campus) เพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสการได้เปรียบทางการแข่งขัน

4.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

5.ชำระคืนเงินกู้ในระยะสั้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562-2564 มีรายได้จากการขาย 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 3.92% ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 19.49 ล้านบาท 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่รายได้จากการขายในงวดไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 245.24 ล้านบาท และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 28.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.82% จากงวดเดียวกันในปี 2564

“การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)  นับเป็นก้าวที่สำคัญในการต่อยอดศักยภาพและขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนให้ธุรกิจสามารถคว้าโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน” นายเกษมสันต์กล่าว