ศักดิ์สยาม เปิดรถเมล์ EV เพิ่ม 2 สาย ยันปลายปีนี้มีรถเพิ่มอีก 1,250 คันทั่วกรุง

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ

ไทยสมายบัสเปิดตัวรถเมล์ EV เพิ่ม 2 เส้นทาง กางแผนบรรจุรถเมล์ ปลายปีมีรถวิ่ง 972 คัน 77 เส้นทาง ศักดิ์สยามกล่าวก่อนสิ้นปีมีรถเมล์ EV ทั้งระบบ 1,250 คัน ใน 144 เส้นทาง

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 44 (2-42) เคหะคลองจั่น-ท่าเตียน และสาย 3-53 สถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก-เสาชิงช้า เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ โดยมีนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ให้การต้อนรับ

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะในการให้บริการประชาชน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ได้มีข้อสั่งการติดตามให้มีการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EV

กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายสนับสนุนให้เกิดกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจ้างเหมาบริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (รถไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะเป็นพิษในเขตเมือง เพื่อให้บริการประชาชนมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ได้มีการเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือรถ EV) สาย 8 เส้นทางแฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยจากสถิติการเดินทางถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้นิยมใช้บริการที่ค่าเฉลี่ยมากกว่า 7,000 คนต่อวัน

และเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ได้เปิดให้บริการรถโดยสาร EV สาย 17 พระประแดง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 82 ท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู ซึ่งทั้งสาย 17 และ 82 ต่างก็มีจุดต่อเชื่อมไปยังระบบสาธารณะอื่น ๆ อันจะทำให้ภาพของโครงข่ายการขนส่งรถ-เรือ-ราง ที่ถือเป็นนโยบายอันสำคัญยิ่งของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมสมบูรณ์มากขึ้น และในวันนี้เป็นการเปิดทดลองเดินรถสาย 44 (2-42) เคหะคลองจั่น-ท่าเตียน และสาย 3-53 สถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก-เสาชิงช้า

ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มองภาพที่ไกลไปกว่าเฉพาะการขนส่ง การต่อเชื่อมระหว่างการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ แต่มองไปถึงแนวทางในการดำเนินงานด้านการขนส่งที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวอันถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย

ซึ่งล่าสุดกรุงเทพมหานครได้ถูกจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ดให้เป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกถึง 22 ล้านคน ในปี 2565 สำหรับเส้นทางรถโดยสารสาย 3-53 เป็นเส้นทางที่ผ่านจุดสำคัญ ทั้งในด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติที่เป็นแขกของประเทศ

ดังนั้น การให้บริการทั้งหมดจะต้องตั้งอยู่บนหลักการที่กระทรวงคมนาคมมอบนโยบายไว้ ได้แก่

“ความสะดวก” โดยรถที่ให้บริการจะมีการต่อเชื่อมกับรูปแบบการขนส่งอื่น ๆ ทั้งทางเรือและราง

“ความสบาย” ซึ่งรถที่ให้บริการเป็นรถปรับอากาศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ดี

“ความสะอาด” โดยรถเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า อันเป็นพลังงานสะอาด ลดการปล่อยมลพิษ

“ความประหยัด” ซึ่งบริษัทได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเก็บค่าโดยสาร 10 บาท ตลอดสาย จนถึงสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทยังได้พิจารณาแนวทางว่า หากมีการเดินทางครบ 40 บาทในหนึ่งวันจะไม่จัดเก็บค่าโดยสารเพิ่มสำหรับการใช้บริการหลังจากนั้น

“ความปลอดภัย” ซึ่งนอกจากความปลอดภัยในด้านการกำกับดูแลตัวรถแล้ว รถที่ให้บริการยังได้มีการติดตั้ง CCTV เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารอีกด้วย

ทั้งนี้ ภายในเดือนตุลาคม 2565 มีสายรถโดยสาร EV ที่จะเปิดเดินรถเพิ่มจำนวน 4 เส้นทางคือ สาย 1-39 (71) สวนสยาม-คลองเตย สาย 1-52 (197) วงกลมมีนบุรี-ถนนคู้บอน-ถนนหทัยราษฎร์ สาย 4-28 (529) แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 4-45 (81) พุทธมณฑลสาย 5-ท่าราชวรดิษฐ์ โดยจะนำรถเข้าบรรจุเพิ่มประมาณ 50 คัน และภายใต้การเร่งรัดการดำเนินการในปีนี้จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 972 คัน ใน 77 เส้นทาง


จากการผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ปลายปีนี้พี่น้องประชาชนจะสามารถใช้บริการเครือข่ายรถเมล์พลังงานสะอาดกว่า 1,250 คัน ใน 122 เส้นทางที่ปฏิรูปใหม่ ซึ่งได้มีการวางแผนเชื่อมต่อระบบล้อ-ราง-เรือ อย่างครบวงจร นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ประสานงานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในการจัดรถเสริมในเส้นทางที่บริษัทยังบรรจุรถไม่เต็มศักยภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวกและไม่ต้องรอใช้บริการนาน แต่ขอให้ดูเรื่องระเบียบและข้อกฎหมายให้ถูกต้องด้วย