เปิดสาระสำคัญ ร่างกฎหมายคุมเหล้า-เบียร์ สาธารณสุขเสนอแก้อะไร

เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์

เปิดสาระสำคัญ 11 ข้อ ร่างกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้เสนอ แก้ไข ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ

และรับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอ

สำหรับสาระสำคัญในร่างกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้เสนอ มีดังนี้

1. กำหนดให้พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

2. แก้ไขคำนิยาม “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” และ “การสื่อสารการตลาด” และเพิ่มเติมคำนิยาม “ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพื่อให้มีความชัดเจนและครอบคลุมการบำบัดรักษาในกลุ่มบุคคลมากยิ่งขึ้น

3. คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ

3.1 เพิ่มองค์ประกอบของกรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

3.2 เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการฯ ให้สามารถกำหนดนโยบาย แผนงาน และการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกี่ยวกับผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการเสนอแผนยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และด้านการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

4. คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4.1 เพิ่มองค์ประกอบของกรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

4.2 เพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ให้มีอำนาจหน้าที่ให้สามารถกำหนดนโยบายแผนงาน และการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกี่ยวกับผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดวันหรือเวลาห้ามขายหรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

รวมทั้งเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการกำหนดเวลา ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่ หรือบริเวณสถานที่จัดบริการเพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า

5. คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด และสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

5.1 เพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร เช่น ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดและผู้แทนกรมคุมประพฤติ รวมทั้งเปลี่ยนกรรมการโดยตำแหน่งจากหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครเป็นผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ด้านรณรงค์ทางสังคม

5.2 เพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด เช่น อัยการจังหวัด ปลัดจังหวัด เปลี่ยนกรรมการโดยตำแหน่งจากผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาในจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง เป็นศึกษาธิการจังหวัด และเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ด้านรณรงค์ทางสังคม

5.3 แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อคณะกรรมการควบคุม และดำเนินการตามนโยบาย แผนงาน และการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดำเนินการให้มีแผนงานในระดับจังหวัด และดำเนินการให้มีการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

5.4 แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในการพัฒนาให้มีระบบและกลไกเพื่อให้เกิดการบังคับใช้ รวมถึงเฝ้าระวังการกระทำความผิด การพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับนโยบายในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ การบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

6. เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของรัฐมนตรีในการกำหนดหลักเกณฑ์-วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานที่ห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติมได้

7. เพิ่มเรื่องการห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่หรือบริเวณสถานที่จัดบริการ เพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อประโยชน์ในทางการค้าในเวลาที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะกำหนดเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นใด ๆ เท่าที่จำเป็นไว้ด้วยก็ได้

8. การโฆษณา เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณา โดยมีบทบัญญัติเรื่องการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจ และห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่อาจทำให้เข้าใจว่าหมายถึงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ตลอนจนห้ามมิให้การอุปถัมภ์หรือให้การสนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ในลักษณะที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่ใช้บังคับกับการบริจาคหรือการช่วยเหลือตามมนุษยธรรมในกรณีที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง

9. การบำบัดรักษาหรือการฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดแอลกอฮอล์

9.1 แก้ไขชื่อหมวดจากเดิม “การบำบัดรักษาหรือการฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดแอลกอฮอล์” เป็น “การบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”

9.2 เพิ่มหน่วยงานที่สนับสนุนเกี่ยวกับการบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นต้น

โดยให้มีอำนาจในการส่งเสริมและสนับสนุนการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพจิตใจดังกล่าว และกำหนดลักษณะของผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการส่งเสริมและสนับสนุนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เป็นตามที่คณะกรรมการควบคุมกำหนด

10. แก้ไขอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น ให้มีอำนาจในการเข้าไปในสถานที่หรือบริเวณสถานีที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่หรือบริเวณสถานที่ที่จัดบริการเพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าน่าจะมีการกระทำความผิด

และมีอำนาจในการเรียกและขอดูบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นใด ในกรณีที่มีการกระทำความผิดหรือกรณีที่มีหลักฐานตามสมควรว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และอำนาจในการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานหรือวัตถุอื่นใด เพื่อประโยชนในการดำเนินคดี

11. บทกำหนดโทษ เช่น เพิ่มเติมโทษในกรณีที่ฝ่าฝืนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท เพิ่มอัตราโทษปรับในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้า

จากเดิม “ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เป็น “ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

มอบ “หมอมิ้ง” ศึกษาข้อกฎหมายต่อ 8 ประเด็น

สืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเห็นว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและศีลธรรม อีกทั้งมีกฎหมายค้างอยู่ในสภาหลายฉบับ จึงมอบหมายให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปศึกษาข้อกฎหมาย ซึ่งได้ข้อสรุปใน 8 ประเด็น ดังนี้

1.เห็นควรที่จะยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พ.ย. 2565 หรือไม่ โดยสาระสำคัญประกาศฉบับดังกล่าว คือ การกำหนดเวลาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.00 น. และตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น.

2.ควรจะอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมหรือสถานบริการที่ใกล้เคียงกับสถานศึกษาหรือไม่

3.การอนุญาตให้ขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ทางราชการที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมควบคุมโรค จากเดิมเป็นร้านค้า สโมสร หรือสถานที่แสดงดนตรี

4.ผู้มีอำนาจในการกำหนดวันและเวลาห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 กำหนดให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี จะเปลี่ยนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่

5.การแก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย

6.การทำตลาดออนไลน์เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งกรณีที่ผู้ผลิตแอลกอฮอล์เป็นผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ

7.กำหนดรายละเอียดข้อความที่ระบุบนฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ต้องมีข้อความในลักษณะที่เป็นการเชิญชวนให้บริโภค

8.ยกเลิกการควบคุมและวิธีการ หรือลักษณะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามมาตรา 30 ของพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งหมดนี้ ครม.เห็นว่ากฎหมายของแต่ละฝ่ายยังมีความสุดโต่ง ดังนั้น พระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของกระทรวงสาธารณสุขที่กฤษฎีกาตรวจแล้ว จึงถูกส่งไปที่วิปรัฐบาลและเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเกิดการถกเถียงอย่างเหมาะสม และให้ตัวแทนประชาชนเป็นคนตัดสินว่าในมิติต่าง ๆ เห็นควรเป็นอย่างไร หรือฉบับไหนเหมาะสมที่สุด

จากนั้น ให้สภาผู้แทนราษฎรไปพิจารณาทั้งหมด โดยไม่ยึดฉบับใดฉบับหนึ่งเป็นหลัก เพราะมีส่วนดีและส่วนด้อยต่างกันไป