โควิด กทม.วิกฤต! คลัสเตอร์คลองเตย 67 ทั่วประเทศใส่ท่อวันเดียว 230

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ศบค.ชี้ กทม.วิกฤตหนัก หลังพื้นที่ “แดงเถือก” ติดเชื้อทุกเขต กราฟผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ เสียชีวิต และหาเตียงเพิ่ม พุ่งขึ้นทุกวัน ตั้งข้อสงสัยพื้นที่กทม. ยอดป่วยลด เป็นจริงหรือไม่  พร้อมจับตา”คลัสเตอร์คลองเตย” พบติดเชื้อแล้ว 67 ราย

วันที่ 30 เมษายน 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า วันนี้กรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมการแพทย์ รพ.ต่าง ๆ เอาตัวเลขผู้ติดเชื้อมาดู พบว่าสถานการณ์ของผู้ป่วยอาการหนักวันนี้กราฟมันพุ่งขึ้นทั้ง 3 เรื่อง ทั้งผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ซึ่งจะไปสอดคล้องกับการหาเตียงให้กับคนไข้ที่พุ่งขึ้นตลอด

และเมื่อมาดูคนไข้หนัก ตัวเลขวันก่อน (28 เม.ย.) 786 ราย ในกลุ่มนี้ออกมาเป็นผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจถึง 230 คน ที่อาการหนัก และยังมีที่หนักมาก ๆ แม้จะเป็นเปอร์เซ็นต์น้อย ๆ อีกจำนวนหนึ่ง เป็นบทเรียน ณ ขณะนี้ที่เราต้องมาช่วยกันในการจัดการเรื่องนี้

“นี่คือวิกฤตของเรา ถ้าเราไม่กดเคิร์ฟลงมา หมายถึงว่าถ้าผู้ติดเชื้อที่เยอะเอารายงานมาแล้วมาเจอตรงนี้หรือไม่ แต่ 1,500 วันนี้ ตัวเลข 400 กว่าของกทม. ใช่สะท้อนภาพความเป็นจริงไหม” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในเชิงตั้งคำถาม พร้อมยืนยันว่า

วันนี้ ภาพกราฟของกรุงเทพมหานคร(กทม.)และกราฟของทั้งประเทศ จะเห็นรูปรอยของกราฟที่มีความชันไปด้วยกัน(ตามกราฟ) เพราะฉะนั้นถ้าเราปรับตัวเลขของ กทม.ลงได้ ทั้งประเทศปรับแน่นอน แต่พอมาบอกว่ากทม.เหลือ 400 กว่าราย วันนี้เป็นจริงหรือไม่ เพราะชุดข้อมูลหรือความเดือดร้อนของประชาชนที่รับทราบกันมาเป็นกันมากมาย

นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า เมื่อเช้ามีข้อมูล มีการประชุมกันที่ EOC ของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีปลัดสธ. เป็นประธาน มีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน รวมทั้งโรงเรียนแพทย์มาคุยกันเรื่องนี้ ทำให้เห็นภาพของกรุงเทพมหานคร “แดงเถือก” ดูจากแผนที่ ทำให้เราไม่นิ่งนอนใจ ก็จะต้องบอกว่าจะต้องสร้างความตระหนักรู้ของคนกรุงเทพให้ได้มาก เพราะสิ่งที่เราได้ประกาศออกไป 6 จังหวัด ที่มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ต้องเน้นย้ำว่า กทม.เป็นพื้นที่ที่มีประชากรใหญ่ที่สุด

และเมื่อเช้าทางสปคม. ของกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุด รวบรวมข้อมูลกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร พบว่าสถานการณ์จากการติดเชื้อในเดือนเมษายน ซึ่งมาจากสถานบันเทิง คน กทม.ที่ติดเชื้อไป 7,755 ราย พบว่าเป็นของ กทม. 6,828 ราย เป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด 831 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 96 ราย

 

“อยากจะให้เห็นว่า ตรงนี้ที่เป็นสาเหตุ พอเราบอกว่าปิดสถานบันเทิง จาก 7 พันกว่าคน 800 กว่าคน เป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างจังหวัด จึงไม่แปลกที่เราเห็นเขา พอปิดสถานบันเทิง เขาก็กลับไปที่บ้านช่วงสงกรานต์ก็ไปแพร่เชื้ออยู่ต่างจังหวัด และจำนวนเคสทุกเขต ติดหมดทุกเขต นี่คือสิ่งทีเราต้องเผชิญกับความเป็นจริง”

นอกจากนี้ยังได้นำตัวเลขของวันที่ 29 เมษายน ของกทม.689 ราย มาดู ก็เห็นว่าวันที่ 29 เมษายนมีผู้ป่วยยืนยันอยู่จำนวน 11,588 ราย มีความสำคัญที่กทม.ไปทำ Active case finding หรือการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ซึ่งกทม.ก็ทำอยู่ตลอด

“แต่เราก็ตั้งคำถามว่า ทำอยู่ตลอดแล้วได้ผลอย่างไร?” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า

จากข้อมูลพบว่ามีการลงไปในพื้นที่ 7,330 คน ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พบเชื้อ 379 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของคนที่สัมผัสใกล้คิด 5.17% ซึ่งตัวเลข 5.1% ทำให้เราเกิดความกังวลใจว่า จะต้องไปทำตัวเลขให้เพิ่มขึ้นไหม ทางกทม.ก็มีตัวเลขออกมาที่เขาไปลงพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 5-21 เมษายน

ตารางที่จะเห็นนี้ไปตรวจสถานบันเทิง 8 แห่ง 14 ครั้ง เจอคนหมื่นกว่าคน ไปตรวจสถานประกอบการ ตลาด ชุมชน รวมๆแล้ว 28,000 กว่า คน พบคนติดเชื้อ 1,273 คน หรือ 4.54% นี่คือกลุ่มที่เราต้องเข้าไป

หรืออย่างเมื่อ 2 วันนี้ ชุมชนแออัดที่คลองเตย มีการตรวจกลุ่มคนล่าสุดในชุมชนแออัดที่คลองเตย ทางกทม.วางแผนเอาไว้ ว่าจะเข้าไปวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา มีกลุ่มเป้าหมาย 700 กว่า คน ล่าสุดที่มีการรายงานล่าสุด ณ วันนี้ 67 คน

“เพราะฉะนั้นตรงนี้ถ้าบอกว่ากลุ่มเสี่ยงกลุ่มนี้นี้ คิดเป็น 9.57% หรือเกือบ 10% นี่คือสิ่งที่เป็นข้อห่วงใยของที่ประชุม นอกจานกี้ยังมีแผนที่จะเข้าไปในที่ต่างๆรวม 5,300 คน ข้อห่วงใยสำหรับคนที่สัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่ 5ข10% เป็นความห่งใยในที่ประชุมของศบค.” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว