เปิดใจประธาน กสทช. ศึกบอลโลก เบื้องหลังทวงเงิน กกท. คืน 600 ล้าน

“นพ.สรณ ประธานบอร์ด กสทช.” เปิดใจเคลียร์ปม “ศึกบอลโลก” เชื่อทุกฝ่ายเจตนาดีอยากให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก ทั้งยังหวังให้  “กกท.” ทำตามข้อตกลง ยึดกฎ Must Carry เปิดกว้างทุกแพลตฟอร์ม ก่อนใช้สิทธิทวงคืนเงินค่าสนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์ 600 ล้านบาท

วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในช่วงเย็นวานนี้ (8 ธ.ค. 2565) ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน กรณีบอร์ด กสทช.ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้สำนักงาน กสทช.ส่งหนังสือไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อให้ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2022

ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ กกท.ต้องบริหารจัดการสิทธิให้ผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. และสำนักงาน กสทช.สามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2022 (รอบสุดท้าย) ได้ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry-มัสต์ แคร์รี่)

รวมทั้งต้องดำเนินการให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ที่ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกทุกราย ดำเนินการออกอากาศรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2022 (รอบสุดท้าย) (FIFA World Cup Final 2022) ให้สมาชิกสามารถได้รับบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลงผังรายการหรือเนื้อหารายการ

กรณี กกท.ไม่ดำเนินการแก้ไข หรือไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กำหนด กกท.จะต้องมีหน้าที่ชำระเงินสนับสนุนที่ได้รับไว้จำนวน 600 ล้านบาททั้งหมดคืนแก่สำนักงาน กสทช.ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี (หากมี)

ย้อนรอยควัก 600 ล้าน หนุนบอลโลก

นายแพทย์สรณกล่าวว่า กกท.ได้เข้ามาขอการสนับสนุนเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกกับ กสทช. เนื่องจากเห็นว่าการถ่ายทอดสดกีฬา เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กสทช. ซึ่งเท่าที่ทราบเมื่อครั้งที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กสทช.ได้ให้เงินสนับสนุน กกท.ไป 270 ล้านบาท สำหรับการถ่ายทอดสดบอลโลกในครั้งนี้ ตนมองว่าทุกฝ่ายมีเจตนาที่ดีที่จะทำให้คนไทยได้มีโอกาสดูกีฬาที่เป็นที่ชื่นชอบอย่างฟุตบอลโลก

“ผมคิดว่าทุกคนก็เจตนาดีที่อยากจะให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก แล้วเงินที่เราให้เขาในเบื้องต้นสามารถทำให้เขานำไปปฏิบัติได้”

ศ.คลินิกสรณยังเปิดเผยด้วยว่า กสทช.ได้มีการพูดคุยกับ กกท.แล้วว่าการช่วยเหลือค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจากฟีฟ่าแล้ว กกท.จะต้องทำให้ทุกแพลตฟอร์มได้รับสิทธิการถ่ายทอดสดอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ภายหลังจึงได้ทราบว่ามีการแบ่งลิขสิทธิ์ให้เอกชนอื่นพร้อมกับสื่อมวลชนและสาธารณชน ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเรียกประชุมหารือทันที

“เริ่มต้นเราให้เงิน 600 ล้านบาทเพื่อที่เขาจะได้เริ่มดำเนินการได้ เพราะถ้า กสทช.ไม่ให้เงินก็ไม่มีใครที่จะไปซื้อลิขสิทธิ์นี้มาได้ เพราะด้วยกฎ must carry เขาก็กลัวกันว่าจะได้ทำต่อหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเป็นเงินก้อนแรกที่ กกท.จะได้ไป จากนั้นเขาคงพยายามที่จะให้เงินครบ เพื่อที่จะให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาไปทำสัญญาต่อ อยู่ภายใต้กฎหมายคนละอันกัน (กฎหมายลิขสิทธิ์ กับกฎ Must carry) ก็ต้องไปว่ากันต่อว่ากฎไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน”

ล่าสุดคณะกรรมการ กสทช.มีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ให้ กกท.เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎ must carry มิเช่นนั้นจะต้องคืนเงินค่าลิขสิทธิ์ 600 ล้านบาทให้กับ กสทช. ภายใน 15 วัน

“ในมุมของเรา เราถือว่า must carry มีน้ำหนัก และควรปฏิบัติตามให้คนไทยได้ดูทุกแพลตฟอร์ม ผมคิดว่าการกีฬาเขาเข้าใจ (Must carry) เป็นสิ่งที่เราเรียกคุยกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“การทำสัญญาระหว่าง กกท. กับทรูนี้ไม่รู้เลย มารู้ทีหลัง ทราบพร้อมกับสื่อนี่แหละครับ เราได้เรียกทรูมาคุย แล้วแล้วเขาก็อ้างว่าเขาทำตามกฎหมาย เขาอ้างแค่นั้นเอง”

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์สรณกล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคาดหวังว่าเขาจะทำตาม เนื่องจากคิดว่าคงได้เงินคืนยาก เพราะถ้าหากเขามีเงินเขาคงไม่มาขอ กสทช.ตั้งแต่เเรก

“มติที่ให้ กกท.ทำตาม MOU ที่เรามีต่อกัน ที่ให้ประชาชนได้ชมบอลโลกในทุกแพลตฟอร์ม  ที่เราให้เงินเขาไปและไม่เป็นไปตามสัญญา นั่นก็เป็นทางเลือกที่เราจะทวงเงินคืนได้ ถ้าจะทวงคืนก็ต้องทวงคืนทั้งหมดล่ะมั้งครับ เพราะไม่รู้จะแบ่งอย่างไร คาดหวังนะ คาดหวังว่าเขาต้องปฏิบัติการ และกดดันคู่สัญญาของเขาให้ทำตามสิ่งที่เราตกลงกันไว้” ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์สรณกล่าวทิ้งท้าย