TKC นำร่องโชว์เคส 5G ฝ่าความท้าทายจุดพลุยานยนต์ไร้คนขับ

TKC

เทคโนโลยีหลายสิ่งพัฒนาไปไกล แต่การนำมาปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ง่ายนัก และต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ดังเช่นกรณีการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ

TKC นำร่องผนึกพันธมิตร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC ได้เซ็นข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการวิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ผู้ผลิตและประกอบยานยนต์ขนาดใหญ่, บริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถ AGV สำหรับอุตสาหกรรมและหุ่นยนต์ขนส่ง และบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรถโดยสารเชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า

เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวกันของผู้ชำนาญในแต่ละด้านเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับในประเทศไทยทั้งในแง่การแบ่งปันองค์ความรู้ การนำไปใช้งานจริง และยกระดับผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล

“ปิยะ จิราภาพงศา” รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า บริษัทได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 27 ล้านบาท จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์

และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เพื่อดำเนินการ “โครงการสร้างรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบร่วมกับการสื่อสารด้วยโมบายแอปพลิเคชั่นระหว่างรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี 5G ในเขตโบราณสถาน” จึงต้องหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาช่วยกันวิจัย และพัฒนา รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้สำหรับนำไปขยายผลในอนาคต

“เราศึกษาทดลองการใช้รถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบที่วิ่งร่วมกับรถทั่วไปในท้องถนนจริง โดยศึกษาข้อมูลทางกายภาพในเขตพื้นที่เป้าหมาย ข้อมูลทางเทคนิค ข้อจำกัดและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจหรือการควบคุมรถ เพื่อทดสอบการนำระบบสื่อสาร 5G มาใช้งานระหว่างรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับระบบอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลมาใช้กำหนดแผน และแนวทางข้อกำหนดเบื้องต้นในการใช้งานรองรับประชาชน และนักท่องเที่ยวในเขตโบราณสถาน คาดว่าจะทดสอบการใช้งานได้ในปลายปีนี้”

ADVERTISMENT

โชว์เคสประยุกต์ใช้ 5G

และภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวกับ 4 องค์กรจะนำความเชี่ยวชาญที่ต่างฝ่ายต่างมีมาพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในประเทศไทย โดย TKC มีความชำนาญเกี่ยวกับระบบการสื่อสารที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเทคโนโลยี C-V2X หรือ Cellular Vehicle-to-Everything ภายใต้เทคโนโลยี 5G ซึ่งจะผลักดันให้มีการนำไปประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย

“เราอยู่ในแวดวงโทรคมนาคมก็จะเชี่ยวชาญด้านระบบสื่อสาร ส่วนเจ็นเซิฟ มีซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มด้านหุ่นยนต์ขนส่ง จึงมีส่วนสำคัญในการวางระบบเดินรถ ขณะที่พนัส แอสเซมบลีย์ มีความชำนาญในการประกอบสร้างรถบรรทุก รถยนต์เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในด้านอุตสาหกรรม รวมถึงทำยานเกราะล้อยางที่ใช้ในกองทัพ เช่นเดียวกับเน็กซ์ พอยท์ จะชำนาญเรื่องการสร้างรถโดยสารที่ส่งกำลังโดยกระแสไฟฟ้า”

ADVERTISMENT

ผศ.ดร.วิมล แสนอุ้ม ผู้อำนวยการหน่วยกลยุทธ์ธุรกิจนวัตกรรม บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด กล่าวว่า ในหลายปีมานี้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างมาก และเชื่อว่าการเติบโตในลักษณะเดียวกันจะเกิดกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับด้วย แม้จะมีความท้าทายมากมาย

โดยเฉพาะการนำระบบไร้คนขับมาวิ่งในถนนหรือระบบเปิด แต่ในระดับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เป็น “ระบบปิด” มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากช่วยลดต้นทุนและอุบัติเหตุได้มาก

“พนัส แอสเซมบลีย์ เชี่ยวชาญการออกแบบรถสำหรับอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นรถพ่วงหรือรถเทรลเลอร์ต่าง ๆ แต่สิ่งที่คิดว่าระบบไร้คนขับใช้งานได้ดีมาก ๆ คือในธุรกิจรถดันเครื่องบิน เพราะในสนามบินเป็นพื้นที่ปิดที่สามารถวางระบบได้ง่ายขึ้น”

จุดพลุยานยนต์ไร้คนขับ

อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มองเห็นโอกาส และน่าจะเป็นแนวโน้มของเทคโนโลยีไร้คนขับ ก็คือในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งบริษัทเองผลิตรถหุ้มเกราะล้อยางให้ทางกองทัพอยู่แล้ว จึงมองว่าหากมีการนำเทคโนโลยีไร้คนขับมาใช้ได้จริงก็จะทำให้กองทัพสามารถควบคุมรถหุ้มเกราะได้จากฐานบัญชาการ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์มาก

“คมสหัสภพ นุตยกุล” กรรมการบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรถโดยสารเชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า กล่าวว่า รถยนต์ไร้คนขับจะมีบทบาทมากในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถขนาดใหญ่ปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบอัตโนมัติพื้นฐานที่ช่วยเหลือผู้ขับได้แล้ว ซึ่งการมีระบบอัตโนมัติที่ดีจะสามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจาก “มนุษย์” ได้ รวมถึงการคำนวณต้นทุนและการบริหารจัดการขนส่งจะมีความแม่นยำมากขึ้นด้วย

“ในเรื่องอุบัติเหตุ ที่รถขนาดใหญ่อย่างรถบัสหรือรถโดยสารมักสร้างความเสียหายมากกว่ารถเล็กทั่วไป จึงเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การใช้งานจริง และเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

ฝ่าความท้าทาย

“วรีมน ปุรผาติ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ็นเซิฟ จำกัด กล่าวว่า การสร้างยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ หรือ unmaned vehicle เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ด้าน เพื่อสร้างรถที่มีความปลอดภัยระดับสูง แม้จะมีการใช้ระบบไร้คนขับในยานยนต์หรือหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มามากแล้ว แต่เป็นการใช้งานในพื้นที่ปิด อีกทั้งยังมีลักษณะเฉพาะ

“เป้าหมายที่จะสร้างรถโดยสารสาธารณะและใช้งานในเชิงพาณิชย์ให้ได้ต้องอาศัยข้อมูลมหาศาลในการประมวลผล รวมถึงเซ็นเซอร์คุณภาพดีอีกมาก ดังนั้นการได้มีโอกาสทดสอบวิจัยพัฒนาเพื่อเก็บข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ”

ศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน และหัวหน้าศูนย์วิจัย MOVE จาก มจธ. กล่าวว่า โครงการวิจัยที่ มจธ.ร่วมกับ TKC ภายใต้การสนับสนุนจาก กสทช. เป็นโครงการทดสอบระบบการสื่อสารระหว่างรถบัส, โมบายแอปพลิเคชั่น และผู้โดยสาร จัดเป็นรถยนต์ไร้คนขับประเภทที่สามที่ยังต้องมีคนขับรถ และได้ทดสอบการเดินรถรอบอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาแล้ว

ผลพลอยได้พัฒนา “คน”

“ดร.ภาณุภัทร์ ภู่เจริญ” ผู้อำนวยการสายงานด้านโทรคมนาคม บริษัท TKC เสริมว่า งานวิจัยดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทดสอบระบบการเดินรถเท่านั้น แต่การให้บริการกับนักท่องเที่ยวจริง ต้องหารือกับ กสทช.ในฐานะผู้ให้ทุน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่องค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้นำไปสู่การสร้างคน (peopleware) สำหรับอุตสาหกรรมที่นำไปสู่การออกแบบระบบอื่น ๆ ที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นได้

“แต่ละองค์กรล้วนมีสิทธิบัตรและความชำนาญเฉพาะของตนอยู่แล้ว ตัวแพลตฟอร์มหรือ software ระบบอัตโนมัติเป็นของเจ็นเซิฟ ระบบสื่อสารเป็นของ TKC ส่วนของพนัส แอสเซมบลีย์ และเน็กซ์ พอยท์ ก็มีความสามารถในการสร้างตัวรถ เมื่อนำมารวมกัน”

“จึงมีทั้ง software และ hardware ที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดการแบ่งปันความรู้ที่จะส่งผลให้เกิดการขยายไปสู่การพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับที่สร้างประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และความปลอดภัยสาธารณะ จากเครือข่าย 5G ได้ในอนาคต”