ปัจจุบันเทคโนโลยี “ดิจิทัล” ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจอย่างมาก โดยมีสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ผลักดันให้ “ดิจิทัล” เปลี่ยนจาก “ทางเลือก” มาเป็น “ทางรอด” และ “ทางหลัก” ของธุรกิจต่าง ๆ ทำให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะในสมรภูมิช็อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตต่อเนื่อง แต่พฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนไป ดังเช่นการเกิดขึ้นของกลุ่มนักช็อปยามค่ำคืน หรือที่เรียกกันว่า “Cinderella Shopper”
คำว่า “นักช็อปยามค่ำคืน” เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนที่สิงคโปร์ โดย “ไทเกอร์ หวัง” หัวหน้าฝ่ายการตลาดช้อปปี้ สิงคโปร์ อธิบายว่า เป็นพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้ใช้ที่นิยมเข้ามาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ในช่วงเวลาระหว่าง 00.00-02.00 น. (เที่ยงคืนถึงตีสอง) เป็นพฤติกรรมร่วมที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
เมื่อช้อปปี้ที่สิงคโปร์เห็นพฤติกรรมดังกล่าวจึงทดลองปรับกลยุทธ์การทำแคมเปญ 4.4 เป็น Midnight Mega Sale มอบโค้ดส่วนลด และแฟลชดีลพิเศษเฉพาะในช่วงเวลานั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานถล่มทลาย มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า เทียบกับช่วงปกติโดยทำยอดขายสินค้าได้มากกว่า 2,000 ชิ้น ตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มแคมเปญ
เพิ่มโฟกัส “ไลฟ์คอมเมิร์ซ”
สำหรับในประเทศไทย “สุชญา ปาลีวงศ์” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ช้อปปี้หันมาเพิ่มน้ำหนักให้กับการไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และถือเป็นการขายสินค้าแบบ content-based ที่สามารถเพิ่มสีสันเข้าไปได้มาก ทั้งช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานได้ จึงมีแคมเปญตอบโจทย์นักช็อปที่ไม่อยากอดหลับอดนอนด้วย Shopee Live นาทีทองแจกโค้ดลดทุกวัน ตั้งแต่ 20.00-00.00 น. ทำให้นักช็อปยามค่ำคืนหรือ Cinderella Shopper ซื้อสินค้าได้เร็วขึ้นด้วย
“เรามีสินค้ายอดนิยมขายผ่าน Shopee Live หลากหลายหมวดหมู่ ทั้งสินค้าแฟชั่น, อาหาร และอื่น ๆ พร้อมไปกับการแจกโค้ดส่วนลดในช่วง 00.00-02.00 น.ด้วย ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักช็อปทั้งที่เป็นกลุ่มซินเดอเรลลาช็อปเปอร์ และนักช็อปทั่วไป ส่วนการไลฟ์ขายของ เราเริ่มทำฟีเจอร์ Shopee Live ตั้งแต่ 3-4 ปีก่อน แต่ตอนนั้นคนไทยยังไม่คุ้นเคยกับการไลฟ์ขายของเท่าไร กระทั่งมีคุณพิมรี่พาย โลกก็เปลี่ยนไป คนเข้าใจการซื้อของผ่านไลฟ์มากขึ้น เราจึงหันกลับมาโฟกัสการไลฟ์ทำให้มีคนกลับมาใช้งานมากขึ้นด้วย”
“สุชญา” กล่าวด้วยว่า ความแข็งแกร่งของ Shopee Live คือ การพัฒนาคอนเทนต์ควบคู่ไปกับทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยช้อปปี้มีกลยุทธ์ในการผลักดัน Shopee Live สำหรับ live streamer ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง influencer นักขายมือทอง และผู้ขายที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่เชี่ยวชาญ และกลุ่มที่เพิ่งค้นพบความสามารถในการขายสินค้า สำหรับกลุ่มนี้ ช้อปปี้จะคอยช่วยผลักดัน และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ไม่เชี่ยวชาญ จะมีการเทรนเพื่อให้ใช้ Shopee Live หากผู้ขายทำไม่ได้ก็จะนำเสนอเครื่องมืออื่น ๆ ที่ช่วยในการขายสินค้า
ตอบโจทย์นักช็อป-ร้านค้า
“วริศรา ประภาพยืนยง” เจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในกระชับสัดส่วน Up&Under พาร์ตเนอร์ร้านค้าบนช้อปปี้ กล่าวว่า ในช่วงแคมเปญใหญ่ ๆ อย่างดับเบิลเดท จะมีการไลฟ์ขายสินค้าค่อนข้างบ่อย เพราะสามารถดันยอดขายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปกติพบว่ายอดการปิดการขายสินค้าในหมวดแฟชั่นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะอยู่ที่ 3-5% คือ ในทุก 100 คนที่เข้ามาดูสินค้าจะมีการตัดสินใจซื้อ 3-5 คน โดยการไลฟ์ไม่ได้ช่วยให้แบรนด์มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกระจายคำสั่งซื้อไปในช่วงเวลาต่าง ๆ ด้วย เช่น ในตอนเที่ยงกับ 6 โมงเย็น เป็นช่วงที่ traffic ดีมาก ยิ่งหลังเที่ยงครึ่งไปแล้วคนจะเข้ามาดูไลฟ์เยอะมาก จากเมื่อก่อนถ้าไม่ค่อยได้ไลฟ์ traffic ก็จะไปกองอยู่ตอนกลางคืนมากกว่า
อีกจุดแข็งที่ทำให้ “ไลฟ์คอมเมิร์ซ” ได้รับความนิยมในหมู่นักช็อปก็เพราะเปิดโอกาสให้ผู้ขายกับผู้ซื้อมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้โดยตรง
“พรพิลาศ ฉันทเตยานนท์” แฟนพันธุ์แท้ช้อปปี้ ไลฟ์กล่าวว่า ตนซื้อสินค้าบนช้อปปี้ เพราะสะดวกสบาย มีสินค้าหลากหลายครอบคลุมทุกหมวดหมู่ มีการแจกโค้ดส่วนลด และให้เล่นเกมรับคอยน์หรือเหรียญใช้แทนเงินสดได้ ทำให้รู้สึกว่าซื้อสินค้าในราคาถูกลง และคุ้มค่ากว่าซื้อตามร้านค้าทั่วไป อีกทั้งการดูไลฟ์บนแอป นอกจากมีแจกโค้ดส่วนลด 50% ทุกวันตอนสองทุ่มแล้ว ยังได้เห็นสภาพสินค้าก่อนซื้อจริง ถ้ามีคำถามอะไรก็สามารถสอบถามทางร้านค้าได้ทันที
“จริง ๆ การหาส่วนลดจะดูทั้งที่หน้ามาร์เก็ตเพลซและตอนไลฟ์ แต่การไลฟ์จะรู้เวลาแน่นอน เพราะ Shopee Live จะมีตอน 2 ทุ่มทุกวัน และมีนาทีทองให้เข้าไปกดรับโค้ดส่วนลด 50% มาใช้ได้ ไม่ต้องคอยรอกดโค้ดตอนดึก ๆ ทั้งยังได้เห็นหรือรู้จักของที่จะซื้อก่อน เช่น เสื้อผ้าก็มีคนลองใส่ให้ดู หรือแม้แต่ร้านที่ขายหนังสือนิยายที่ตนซื้อประจำ ก็จะมาเล่าเรื่องย่อให้ฟังก่อน ถ้าถูกใจก็ค่อยสั่งซื้อ”
เติมสีสัน “ดับเบิลเดท”
ในช่วงแคมเปญ 9.9 ปีนี้ ช้อปปี้ได้ดึงฟีเจอร์ Shopee Live เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญด้วย โดยจะมีการไลฟ์แบบมาราธอนต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง (Shopee Live Marathon) เอาใจนักช็อปที่ไม่ต้องรอกดโค้ดหรือแฟลชดีลช่วง 00.00-02.00 น. ซึ่งเคยเป็นภาพจำของแคมเปญ “ดับเบิลเดท” เพียงอย่างเดียว เพราะได้รับฟีดแบ็กจากผู้บริโภคว่า ต้องอดหลับอดนอนในการกดโค้ดตอนเที่ยงคืน หรืออย่างกลุ่ม Cinderella Shopper ก็สามารถเป็นซินเดอเรลลาที่นอนเร็วขึ้นได้ เนื่องจากมีการแจกโค้ดส่วนลด 50% ผ่านการรับชมไลฟ์ทุกวันตอน 2 ทุ่ม
“เราเชื่อมั่นใน Double Digit Campaign จึงจัดอย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายคือการรักษาการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคไว้ โดยในแต่ละเดือนจะมีธีมของเดือนนั้น ๆ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ ไม่คิดว่าดับเบิลเดทเป็นเรื่องปกติ ไม่ช็อปเดือนนี้ก็รอเดือนหน้าก็ได้คงไม่ใช่ ดังนั้นในแต่ละเดือนก็จะมีกิจกรรมและสีสันต่าง ๆ แตกต่างกันไป เปิประสบการณ์ใหม่ในการช็อปปิ้งให้กับผู้ใช้ในทุกเดือน พร้อมไปกับดีลที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดจากแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น แคมเปญ 9.9 ที่มีส่วนลดรวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท เพราะมองว่าไม่ว่าผู้คนจะอยู่ในสถานะใดก็ยังต้องการสินค้าที่มีคุณภาพและคุ้มค่า”