ชำแหละกลยุทธ์ Apple เปิด iPhone15 เดิมพันเพิ่มรายได้

Apple iPhone 15

นับถอยหลังเปิดตัว iPhone 15 ท่ามกลางวิกฤตยอดขายซบเซา และความขัดแย้งทางการเมืองเรื่องเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ชำแหละวิธีดันราคา iPhone และอุปกรณ์เสริม เพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยกรอบไทเทเนียมและกล้อง ให้โทรศัพท์แพงขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทแม้ยอดขายจะลดลง 

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ไม่ค่อยดีนักในตลาดสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลาย เมื่อสองมหาอำนาจเทคโนโลยี จีน-สหรัฐ วางหมากล้อมกีดกันซัพพลายเชนสกัดคู่ตรงข้าม หมากสำคัญหนีไม่พ้นบริษัทเทคในฐานะหน้าด่าน ฝั่งจีนดูเหมือนว่า “หัวเว่ย” โดนกีดกันการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่อง จนต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง

ขณะที่ล่าสุดยักษ์ใหญ่อย่าง Apple หุ้นตก 3% ในวันเดียว เมื่อทางการจีนได้เริ่มมาตรการแบน iPhone ในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเจ้าหน้าที่ในบางหน่วยงานในกระทรวงและหน่วยงานรัฐอย่างน้อย 3 แห่งได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้ iPhone ในที่ทำงาน

หากย้อนมองก่อนหน้านี้ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2-3 ตามปีงบการเงิน 2566 ของบริษัทแอปเปิล อิงก์ (Apple inc.) ยังเผยให้เห็นว่า ยอดขาย iPhone ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มมาจากยอดขายอุปกรณ์เสริมและบริการอื่น ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับยอดขายเครื่อง iPhone ในอนาคต

หวัง iPhone 15 ฝ่าวิกฤต

นายมาร์ก เกอร์แมน ผู้สื่อข่าวด้านเทคโนโลยีของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของบริษัทแอปเปิลมาหลายปี ได้เขียน รายงาน ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะ iPhone15 เพื่อกู้วิกฤตของ Apple inc.

เขากล่าวว่า Apple เตรียมเปิดตัว iPhone 15 ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ พร้อมด้วย Apple Watch และ AirPods ที่อัพเดตใหม่ ท่ามกลางช่วงเวลาสำคัญ อย่างเช่นการสู้กับความวุ่นวายในตลาดจีน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนงานเปิดตัว iPhone 15 เป็นการเดิมพันทางรายได้ที่สำคัญ

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แพงขึ้น และดึงดูดผู้ใช้ด้วยคุณสมบัติและความพรีเมี่ยมมากขึ้น ทั้งในส่วนของวัสดุที่อาจมีการเปลี่ยนจากอะลูมิเนียมเป็น “ไทเทเนียม” รวมถึงประสิทธิภาพกล้องที่ทิ้งห่างรุ่นล่าสุด นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Apple จะกระตุ้นให้ผู้ใช้งาน หันไปใช้รุ่นที่มีราคาแพงกว่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Apple

ชำแหละกลยุทธ์ Apple เพิ่มรายได้ แม้ขายเครื่องซบเซา

“เกอร์แมน” ได้อธิบายย้อนไป ในปี 2559 เมื่อยอดขาย iPhone เริ่มทรงตัวที่ประมาณ 200-220 ล้านเครื่องต่อปี Apple Inc. เริ่มมีแนวคิดการเพิ่มรายได้ด้วยการยกระดับธุรกิจ

หนึ่งปีต่อมาในปี 2560 Apple ได้นำแผนนั้นไปปฏิบัติจริง โดยการเปิดตัว iPhone X ในราคา 999 ดอลลาร์ซึ่งเป็นราคาที่สูงในขณะนั้น

อีกหนึ่งปีต่อมา 2561 บริษัทได้เสนอ iPhone XS Max ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 512 กิกะไบต์ ในราคา 1,449 ดอลลาร์

และวันนี้เสนอ iPhone 14 Pro Max ในราคา 1,599 ดอลลาร์ พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลเทราไบต์

กลยุทธ์นี้ได้ผล เพราะในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ยอดขาย iPhone เทียบต่อปียังคงซบเซา แต่รายรับเพิ่มขึ้นประมาณ 70 พันล้านดอลลาร์

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีที่ Apple ใช้วัดความสำเร็จ ด้วยการหยุดรายงานยอดขายหน่วยอุปกรณ์ในปีงบประมาณ 2562 โดยมุ่งเน้นไปที่รายได้จำนวนเงินที่แต่ละผลิตภัณฑ์ทำได้

ในวันเปิดตัว iPhone 15 ที่จะถึงนี้ รายได้ดังกล่าวอาจได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะคาดว่าราคาของ iPhone ระดับบนจะสูงขึ้นในบางตลาด โดยบริษัทนำเสนอส่วนประกอบที่มีราคาแพงกว่า เช่น กรอบไทเทเนียม เซ็นเซอร์กล้องใหม่ และพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติม คุณสมบัติพิเศษเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้มีเหตุผลมากขึ้นกว่าเดิมในการซื้อโทรศัพท์ที่แพงที่สุดของ Apple

เปิดตัว iPhone 15 ลุ้นผู้ใช้จ่ายแพงขึ้น

“สัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า Apple พร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงหัวชาร์จ iPhone 15 จาก Lightning ของตน ไปสู่มาตรฐาน USB-C ที่ Apple ไม่เคยต้องการเปลี่ยน รวมถึงสีสันใหม่ ๆ ที่อาจสะท้อนให้เห็นกลยุทธ์ดึงดูดให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนอุปกรณ์ที่แพงขึ้น”

“เกอร์แมน” มองว่า บริษัทจะสร้างความแตกต่างให้กับรุ่น iPhone 15 Pro จากรุ่นมาตรฐานโดยให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลผ่าน USB-C ที่เร็วขึ้น ขอบที่บางลง และหน้าจอที่สวยงามยิ่งขึ้น รุ่น Pro จะได้รับปุ่มการทำงานที่ปรับแต่งได้และชิปประมวลผลที่เร็วขึ้น

“สำหรับผู้บริโภคบางราย คุณลักษณะเหล่านี้อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง iPhone ปกติ และรุ่น Pro หรือ Pro-max อยู่ที่ 200-300 เหรียญสหรัฐ หาก Apple ทำการตลาดส่วนต่างโดยเพิ่มการผ่อนชำระเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 10-15 เหรียญต่อเดือน แม้ราคาจะพุ่งสูงขึ้น แต่ก็เย้ายวนให้สามารถเข้าถึงได้ดีขึ้น”

Apple ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับ Pro Max ระดับบนสุด โดยเฉพาะกล้องที่จะให้ช่วงการซูมแบบออปติคัลที่กว้างขึ้น ผ่านเลนส์ periscope ระบบนี้เพิ่มความสามารถการซูมเป็นสองเท่า ให้ iPhone 15 ซูมผ่านเลนส์ฮาร์ดแวร์จาก 3x เป็นประมาณ 6x

ในปีที่ผ่านมา รุ่น iPhone 14 Pro ทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันเพียงขนาดหน้าจอ และความจุของแบตเตอรี่เท่านั้น ในส่วนคุณสมบัติ องค์ประกอบภายใน และข้อมูลจำเพาะล้วนเหมือนกัน กล่าวได้ว่าแนวทางการนำเสนออุปกรณ์รุ่นใหม่ของ Apple เริ่มก้าวร้าวมากขึ้นกับกลยุทธ์สร้างความพรีเมี่ยม

“บริษัทจะผลักดันลูกค้าให้หันมาใช้อุปกรณ์เสริมที่มีราคาแพงกว่า ซึ่งมีแนวโน้มต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดตัว Apple Watch ในเดือน ก.ย. 2565 ซึ่งอัพเกรดระบบและประสิทธิภาพครั้งใหญ่ แต่ผู้ใช้จะต้องซื้อนาฬิกา Ultra ที่มีราคาแพงกว่า เพื่อรับตัวเรือนไทเทเนียม หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และหากลูกค้าต้องการ AirPods ที่รองรับการชาร์จ USB-C พวกเขาจะต้องซื้อรุ่นที่มีราคาแพงกว่า”

“สุดท้าย Apple กำลังเปิดตัว iPhone 15 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ท่ามกลางช่วงเวลาที่มีความละเอียดอ่อน ความต้องการสมาร์ทโฟนลดลงทั่วทั้งอุตสาหกรรม ส่งผลให้ยอดขายลดลงหลายไตรมาส และตอนนี้มีความกังวลเกี่ยวกับประเทศจีน ซึ่งหน่วยงานของรัฐกำลังจำกัดการใช้ iPhone และการเปิดตัวโทรศัพท์ Huawei รุ่นใหม่ ๆ อาจล่อใจผู้บริโภคมากกว่า”

“สำหรับ Apple ความหวังก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone ที่มีคุณสมบัติครบครัน และมีราคาแพงกว่าเดิม จะช่วยให้บริษัทฝ่าฟันความท้าทายต่าง ๆ ได้” นายเกอร์แมนทิ้งท้าย