
บริษัททั่วโลกกำลังตื่นตัวที่จะนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ แต่ขณะเดียวกัน บริษัท-คนทำงานอีกจำนวนมากยังไม่ทราบว่าจะสามารถนำ AI มาใช้ทำอะไรได้บ้าง ? พร้อมกันนี้เสียงร่ำลือถึงความเก่งกาจของ AI ก็ทำให้ทั่วโลกเกิดความกังวลว่า แล้ว AI จะมาแย่งงานมนุษย์หรือเปล่า ?
“ปฐมา จันทรักษ์” กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย (Accenture Thailand) ตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างดีในการบรรยายหัวข้อ “เกมใหม่ โลกเปลี่ยน” บนเวทีสัมมนา “The Power of AI #เกมใหม่โลกเปลี่ยน” ของ “ประชาชาติธุรกิจ” ที่พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567
“วันนี้ต้องบอกว่าโลกเปลี่ยน” คือประเด็นเริ่มต้นของปฐมา
จากนั้นเธออธิบายว่า วันนี้เทคโนโลยีมีผลกระทบ 3 อย่างหลัก ๆ คือ หนึ่ง-มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานของมนุษย์ สอง-มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งอาจจะในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง สาม-มีผลกระทบต่อวิธีการคิดของมนุษย์
“มีคำถามบ่อยครั้งมากที่ถามว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมาแทนมนุษย์หรือเปล่า ส่วนตัวเชื่อว่าวันนี้การทำงานของมนุษย์และแมชีนต้องทำงานร่วมกัน เราใช้คำว่า Intelligence Augmentation (IA) คือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI เพราะฉะนั้น วันนี้เทคโนโลยี AI เป็นทางเลือกหรือทางรอด ต้องบอกว่ามนุษย์กับแมชีนจะไม่มีทางแทนที่กันได้ แต่มนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ที่นำ AI มาใช้”
ปฐมายกตัวอย่างพร้อมแสดงภาพให้เห็นความแตกต่างระหว่าง AI กับ Generative AI ว่า ถ้าป้อนคำสั่งให้ “ช่วยหาแมวให้หน่อย” AI จะค้นภาพแมวที่ใกล้เคียงกับแมวตัวจริงที่สุด แต่ถ้า Generative AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับมนุษย์ จะสามารถสร้างภาพแมวที่ไม่เคยมีอยู่มาก่อนเลยขึ้นมาใหม่ ด้วยคำสั่งให้สร้างแมวขึ้นมาให้หน่อย โดยมีจินตนาการว่าต้องเป็นแมวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเป็นแมวที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานให้เป็นแมวที่มีความสวยงาม
ปฐมาบรรยายถึงพลังความสามารถของ Generative AI ที่เปลี่ยนโลกอีกว่า ตอนที่มีการเปิดตัว Generative AI ใหม่ ๆ โดย ChatGPT เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ทุกคนตื่นเต้นกับ ChatGPT ตัวนี้มาก ๆ เพราะเพียงแค่ใส่คำสั่งลงไปให้เปลี่ยนภาพที่มีอยู่ให้เป็นภาพอย่างที่ต้องการ เช่น เปลี่ยนสีรถจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่ง หรือเปลี่ยนสีท้องฟ้าให้เป็นพระอาทิตย์ตก Generative AI ก็เปลี่ยนให้ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องออกไปถ่ายรูปเองอีกแล้ว หรือถ้าถามว่าจะทำอาหารให้สุนัขได้อย่างไร Generative AI ก็ลิสต์คำตอบออกมาให้ได้
“เพราะฉะนั้น ตอนที่ Generative AI เปิดตัวเมื่อปีครึ่งที่แล้ว เราเรียกมันว่าเป็น ‘The new iphone moment’ ทุกวันนี้เราไม่ต้องเขียนโค้ดเองแล้ว เพราะเราสามารถให้ Generative AI เขียนโค้ดให้ได้ หรือในวันนี้เราเรียกว่า No Code แล้ว”
กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย แชร์ว่า ในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา องค์กรธุรกิจใหญ่ ๆ มีการทำ Proof of Concept (การทดสอบแนวคิด) เยอะมาก ซึ่งแอคเซนเชอร์ได้เข้าไปช่วยในแต่ละอุตสาหกรรม
“วันนี้ เทคโนโลยีมีหลาย ๆ ด้านที่เก่งกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่องการจำ การคิดค้น และที่สำคัญคือ วันนี้เทคโนโลยีความใกล้เคียงเลียนแบบความเป็นมนุษย์มากขึ้น”

ปฐมาสรุปว่า ภาคธุรกิจมีการนำ Generative AI ไปใช้ใน 5 อย่าง คือ Advise (ให้คำแนะ), Create (สร้างสรรค์), Assist (ช่วยเหลือ), Automate (ระบบอัตโนมัติ) และ Protect (ปกป้องความปลอดภัยของการทดสอบ)
“เพราะฉะนั้นภาพที่จะเห็นเป็นภาพที่ Generative AI ถูกนำมาใช้ในทุกอุตสาหกรรมจริง ๆ”
“Generative AI คือ Game Changer สำหรับคนในวงการธุรกิจ”
ปฐมาได้ยกตัวอย่างการนำ Generative AI มาใช้ในแต่ละอุตสาหกรรม ดังนี้
การเงิน : มีการใช้ AI แนะนำลูกค้า ในการเตรียมข้อมูลสำหรับให้คำปรึกษาลูกค้า และช่วยในการทำรายงานแบบเรียลไทม์
การดูแลสุขภาพ (Health Care) : มีการใช้ AI ช่วยตรวจวินิจฉัยมะเร็งได้เร็วขึ้น
ค้าปลีก : แบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง แอมะซอน อาลีบาบา เซโฟรา วอลมาร์ต อีเบย์ ล้วนนำ Generative AI มาใช้ในกระบวนการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ใน POC เช่น เซโฟรา นำ Generative AI มาใช้ Customize ในกระบวนการตรวจผิวของลูกค้า เพื่อแนะนำสินค้าและบิวตี้ทิปส์ให้เหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละคน
การผลิต (Manufacturing) : แบรนด์ใหญ่ ๆ เช่น ซีเมนส์ เทสลา ฯลฯ มีการนำ Generative AI มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและควบคุมคุณภาพ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอุปกรณ์เสียหายในไลน์การผลิต
บันเทิง : หลายแบรนด์ เช่น เน็ตฟลิกซ์ อะโดบี วอร์เนอร์ ดิสนีย์ โซนี่ ล้วนมีการนำ Generative AI มาใช้ ตัวอย่างเช่น อะโดบี นำ Generative AI มาออกแบบรองเท้าผ้าใบ โดยให้แมชีนทำงานร่วมกับมนุษย์
การศึกษา : มีสตาร์ตอัพหลายราย โดยเฉพาะในซิลิคอนวัลเลย์ใช้ Generative AI มาช่วยในเรื่องการเรียนการสอน
การขนส่ง : เกือบทุกเจ้านำ Generative AI มาช่วยหาเส้นทางที่ลดระยะทาง เพื่อที่จะประหยัดพลังงาน หรือนำมาผนวกกับแผนที่เพื่อเลี่ยงเส้นทางที่รถติด
พลังงาน : แบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง เชลล์ ซีเมนส์ อีเนล ชไนเดอร์ บีพี เกือบทุกเจ้านำ Generative AI มาใช้
โทรคมนาคม : หลายเจ้านำ Generative AI มาใช้ เช่น เอทีแอนด์ที นำ Generative AI มาใช้ช่วยให้พนักงานบริการลูกค้าได้เร็วขึ้น หรือใช้ช่วยเขียนร่างอีเมล์ และตรวจอีเมล์ว่าระดับโทนภาษาที่ใช้นั้นเหมาะสมหรือไม่ หรือใช้สรุปการประชุมสำหรับคนที่เข้าประชุมสาย เป็นต้น
อสังหาริมทรัพย์ : มีการนำ Generative AI มาใช้ตั้งแต่ทำเรื่องการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ และแนะนำการลงทุน ไปจนถึงช่วยเลือกบ้านในพื้นที่ที่น่าจะเป็นการลงทุนที่ดี
“ทั้ง 10 อุตสาหกรรมที่นำตัวอย่างมาให้ดูในวันนี้ เป็นการบอกว่าโลกเปลี่ยนแล้ว การจะนำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ใช่แค่ A to do แต่เป็น A to be”
นอกจากนั้น ปฐมาได้กล่าวถึงเมตาเวิร์สด้วยว่า มีคำถามว่าเมตาเวิร์สตายไปหรือยัง ? ซึ่งปฐมาบอกว่า “Long Live Metaverse” (เมตาเวิร์สมีอายุยืนนาน) เพราะเมื่อมี Generative AI เข้ามา ทำให้โลกจริงกับโลกเสมือนเข้ามาร่วมกัน เป็น Spatial Computer การมาของ Generative AI เร่งให้โลกเสมือนกับโลกจริงเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ถึงแม้ AI จะมีประโยชน์อย่างไรก็ตาม ปฐมากล่าวในอีกด้านหนึ่งด้วยว่า การจะนำ Generative AI มาใช้ก็มีข้อน่ากังวลและข้อควรระวัง ว่าจะนำมาใช้อย่างไรให้ปลอดภัย อะไรที่ควรใช้ อะไรที่ไม่ควรใช้
“นั่นหมายความว่า ถ้าองค์กรต้องการจะดูสกิลของคนที่จะรับเข้าทำงานในทุกวันนี้ สกิลหลัก ๆ ที่ต้องการในการทำงาน ไม่ใช่สกิลแบบเดิมอีกแล้ว นั่นหมายความว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ก็ต้องปรับตัวว่าจะทำให้คนทำงานสามารถนำ Generative AI หรือ AI เข้ามาใช้ในองค์กรได้อย่างไร นั่นหมายความว่าวัฒนธรรมในองค์กรเปลี่ยนแล้ว”
ปฐมากล่าวสรุปตอนท้ายว่า ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้หลายทาง โดยยกตัวอย่างฟังก์ชั่นของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่แบรนด์หนึ่งที่แปลภาษาจากเสียงพูดได้เลยทันที ซึ่งหากนำมาใช้เพื่อให้คนทำงานบริการของไทย หรือใครก็ตามสามารถสื่อสารโต้ตอบภาษาต่าง ๆ ได้เลยในทันทีก็จะเป็นประโยชน์มาก
และปฐมาปิดท้ายจริง ๆ ด้วยคำกล่าวที่ว่า “It’s not that we use technology, we live technology” (ไม่ใช่แค่เราใช้เทคโนโลยี แต่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา)