5G แรง การ์ทเนอร์ คาดอีก 3 ปี คลุมพื้นที่บริการ 60% ทั่วโลก

mohamed Hassan จาก Pixabay

การ์ทเนอร์ คาดการณ์ อีก 3 ปี ข้างหน้า 5G คลุมพื้นที่การให้บริการเมืองหลักทั่วโลกถึง 60% จากปีก่อนที่มีเพียง 10% โดยโควิดเป็นตัวเร่งสำคัญ เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายไมเคิล โพโรสกี้ นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า อีก 3 ปี สัญญาณ 5G จะครอบคลุมพื้นที่เมืองหลักทั่วโลกถึง 60% จากปีก่อนที่มีเพียง 10% ของผู้ให้บริการสื่อสารที่เปิดบริการ 5G เชิงพาณิชย์ การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2567 ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% ใกล้เคียงกับอัตราการปรับใช้เครือข่าย LTE และ 4G ในอดีต เนื่องจากความสำเร็จในการเปิดให้บริการในหลากหลายภูมิภาคพร้อม ๆ กัน

“ความต้องการของธุรกิจและกลุ่มลูกค้าเป็นปัจจัยเร่งที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตดังกล่าว เมื่อผู้บริโภคกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ พวกเขาจะอัปเกรดหรือเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงภายในบ้านผ่านสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง (FTTH) เนื่องจากการเชื่อมต่อได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริการระยะไกล โดยผู้ใช้จะคัดสรรผู้ให้บริการเครือข่ายอย่างละเอียดเมื่อต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งที่ออฟฟิศและจากบ้านเพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) ในตลาดใหญ่ ๆ ที่เร่งเปิดให้บริการ 5G ในปีก่อนและปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จาก 5G อยู่ที่ 39% ของรายได้จากเครือข่ายไร้สายทั้งหมดที่เปิดให้บริการในปีนี้ ซึ่งการแพร่ระบาดโควิด-19 กระตุ้นความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่มีความเร็วสูงสำหรับใช้ทำงานจากที่บ้านและการใช้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่กินแบนด์วิธสูง เช่น การชมสตรีมวิดีโอ เล่นเกมออนไลน์ และใช้แอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดีย

ขณะเดียวกันการ์ทเนอร์ได้คาดการณ์รายได้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายไร้สายทั่วโลก พบว่าเครือข่าย 5G มีแนวโน้มการเติบโตสูงที่สุด โดยปี 2563 มีรายได้ 13,768 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 19,128.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2565 คาดว่าจะมีมูลค่า 23,254.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“เครือข่าย 5G เติบโตรวดเร็วที่สุดในกลุ่มตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายไร้สาย และเป็นโอกาสการลงทุนเดียวที่สร้างการเติบโตสำคัญแก่ผู้ให้บริการ เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนในเครือข่ายไร้สายรุ่นก่อน ๆ กำลังลดลงรวดเร็วทุกภูมิภาครวมถึงการใช้จ่ายในเซลล์เครือข่ายขนาดเล็กที่ไม่ใช่ 5G ตามที่ผู้ให้บริการสื่อสารหันไปใช้เซลล์เครือข่ายขนาดเล็กของ 5G แทนที่”

นายไมเคิลกล่าวเพิ่มเติมว่า ในระดับภูมิภาคผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในแถบอเมริกาเหนือตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจากบริการ 5G จากเดิม 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน เป็น 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการนำคลื่นความถี่แบบไดนามิกมาปรับใช้ร่วมกันและเพิ่มสถานีฐานรับ-ส่งสัญญาณคลื่นแบบ mmWave

ขณะที่ผู้ให้บริการในยุโรปตะวันตกกลับให้ความสำคัญกับการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานหลักให้ทันสมัย เพื่อรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาและปรับบริการให้เข้ากับกระบวนการกำกับดูแล ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จาก 5G เพิ่มเป็น 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ จาก 794 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยประเทศจีนยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำเบอร์ 1 ของโลก ด้วยรายได้จากเครือข่าย 5G สูงแตะ 9,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มจาก 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปี 2563