นักลงทุนมือใหม่ควรทำอย่างไร ช่วงตลาดคริปโตขาลง “บิตคอยน์” ดิ่งไม่หยุด

คริปโต

เปิดมุมมองซีอีโอ “สตางค์โปร” สแกนขาลงตลาดคริปโต แม้แต่บิตคอยน์ยังต้านไม่อยู่ดิ่งลงต่อเนื่อง แนะนักลงทุนใช้จังหวะตลาดซบเซาศึกษาข้อมูลเรียนรู้ข้อดี-ข้อเสีย

วันที่ 19 มิถุนายน 2565 สถานการณ์ตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังคงอยู่ในสภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดทำระดับต่ำสุดที่ 17,900 เหรียญสหรัฐ หลังจากในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ (15.00 น.) ตามเวลาประเทศไทย ราคาอยู่ที่ 18,700 เหรียญสหรัฐ ลดลงต่ำกว่าระดับสูงสุดของ “วัฏจักรบิตคอยน์” เมื่อปี 2017 คือราคา 19,100 เหรียญสหรัฐ

นายสรัล ศิริพันธ์โนน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แสดงความเห็นกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ต่อสภาพตลาดคริปโตเคอเรนซีที่อยู่ในช่วงขาลงว่า  ในจังหวะที่ตลาดมีแนวโน้มซบเซาจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของโลกเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การศึกษาเรียนรู้


“ปีที่ผ่านมานับเป็นปีทองของคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้เห็นการใช้งานมากมายโดยเฉพาะระบบการเงินกระจายศูนย์ หรือ Defi (Decentralized Finance) คนจำนวนมากรู้ว่าไม่ได้มีแค่การเทรดบิตคอยน์อย่างเดียว และมีความตื่นตัวมากทั้งผู้ลงทุนในคริปโตและผู้พัฒนาแพล็ตฟอร์ม Defi ซึ่งไม่ใช่ทุกโปรเจ็กต์จะสำเร็จ มีที่ล้มเหลวผิดพลาดจำนวนมากจึงเป็นปีแห่งการเรียนรู้ด้วย”

ประกอบกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีวิกฤตระดับโลกมากมายเกิดขึ้นโดยเฉพาะวิกฤตเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อตลาดคริปโตโดยตรง รวมเข้ากับวิกฤตน้ำมันแพงทำให้คนไม่อยากใช้จ่ายมากนัก ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็อยากอยู่รอดมากกว่าที่จะคิดเรื่องการลงทุน คนทั่วไปก็ด้วยช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยคงยากที่ใครจะทำกำไรได้จึงต้องรอเศรษฐกิจกลับมา

สำหรับผู้ที่ยังสนใจการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ตนมองว่าควรใช้ช่วงเวลาซบเซานี้เป็น “โอกาส” ในการ “ศึกษาเรียนรู้“

นายสรัลแบ่งนักลงทุนที่น่าจะใช้จังหวะนี้เรียนรู้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นอาจเคยได้ยินเรื่องคริปโตมาบ้าง หรือเป็นคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบหรือเพิ่งมีงานมีเงินพอจะเข้าตลาดได้ ในช่วงตลาดซบเซาเป็นช่วงที่ดีที่จะเรียนรู้ ด้วยระดับราคาที่ลงมาต่ำมากแล้ว การทดลองช่วงนี้จึงไม่เสี่ยงมากเท่ากระแสขาขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ควรค่อย ๆ ศึกษาว่าแต่ละเหรียญแต่ละโปรเจ็กต์คืออะไร มีจุดประสงค์เพื่ออะไร มีซัพพลายเท่าไหร่ และควรศึกษาโปรเจ็กต์ที่ล้มเหลวไปแล้วด้วยว่าล้มเหลวเพราะอะไร ตั้งเป้าหมายเกินจริงหรือไม่อย่างไร

กลุ่มถัดมาเป็นกลุ่มที่มักสงสัยและตั้งข้อสังเกต (Skeptical) อาจยังไม่เคยเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดแต่ติดตามมานาน และค่อนข้างมีความรู้เชิงเทคนิค คือ สามารถเข้าไปดูข้อมูลบนบล็อกเชนต่าง ๆ ได้เอง ส่วนใหญ่มักตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบล็อกเชนและคริปโตฯว่าเกินจริงขายฝันเรื่องราคาหรือไม่ เมื่อตลาดล้มลงอย่างรุนแรงคนกลุ่มนี้ดีใจที่ได้เห็นว่า “ความจริงของตลาดคืออะไร” ทำให้พวกเขารู้ว่าต้องพร้อมที่จะรับมือกับอะไร กลายเป็นเริ่มเข้ามาในตลาดและศึกษาว่าโปรเจ็กต์ไหนมีความน่าสนใจจริง ๆ กลุ่มคนนี้เข้าตลาดพร้อมทักษะที่มี เมื่อเรียนรู้เพิ่มเติมจนเอาอคติเดิมออกไปกลายเป็นว่าชื่นชอบบล็อกเชน และเห็นทางพัฒนาของเทคโนโลยีมากกว่าคนที่เป็นผู้เล่นในปัจจุบัน 

“ตนมองว่าคนนอกที่คุ้นเคยกับเรื่องทางเทคโนโลยีเหล่านี้ น่าเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนสำคัญในโลกคริปโตในอีก 2-3 ปี”