เอเชีย-แปซิฟิกประชุม Route Asia เชียงใหม่ รับการบินโลกฟื้นตัว

ประชุม The Route Development Forum for Asia 2023

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานประชุมดังกล่าว มีพลอากาศเอกภานุพงศ์ เสยยงคะ กรรมการ AOT เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT รวมถึงผู้บริหาร AOT ผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้พันธมิตรเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยวจากทั่วโลกร่วมงานประชุม

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จํานวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ลดลงจาก 142 ล้านคนในปี 2561 เหลือเพียง 72 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วระหว่างปี 2563-2565 ปริมาณผู้โดยสารลดลงในอัตราร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารรวมในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 การเดินทางของผู้โดยสารมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากการที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนสายการบินกลับมาทำการบินในเส้นทางบินเดิม และเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการบินและธุรกิจท่องเที่ยวให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินกิจการได้ดีขึ้น

ประชุม The Route Development Forum for Asia 2023

ดังนั้น การจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างท่าอากาศยาน สายการบิน หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จำนวนกว่า 800 ราย ได้มีโอกาสพบปะ เจรจา แลกเปลี่ยนมุมมอง และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice)

อันจะนำไปสู่การปรับปรุงเครือข่ายทางการบินและการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดการพัฒนาการบริการในอนาคตที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ งานประชุมยังเป็นการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายทางการบิน (Route Networks) และการท่องเที่ยวของภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งจะส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน การแสดงความเชื่อมโยงของระบบขนส่ง การแสดงความพร้อมในการรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นายนิตินัยกล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่ถือเป็นประตูสู่ประเทศไทย มีความยินดีที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ในครั้งนี้

ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยสู่ระดับสากลให้แก่นานาประเทศ โดยมุ่งหวังสร้างเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยว ตลอดจนการทำการตลาดเชิงรุกด้วยการเจรจาธุรกิจให้สายการบินสนใจเปิดเส้นทางการบินใหม่ หรือเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่ทำการบินอยู่เดิม ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT รวมทั้งเจรจาธุรกิจร่วมกับสนามบินเป้าหมาย (City Pair)

โดยมุ่งเน้นสนามบินที่มีศักยภาพในการรองรับสายการบินใหม่ และเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อส่งเสริมตลาดด้านการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งสร้างและกระตุ้นรายได้ให้ AOT ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19

สำหรับงานประชุม The Route Development Forum for Asia 2023 จะมีการอภิปรายระหว่างผู้แทนจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Pacific Asia Travel Association : PATA) สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airport Council International : ACI)

สมาคมสายการบินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (Association of Asia Pacific Airlines : AAPA) สายการบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ผู้บริหารสนามบิน รวมไปถึงผู้ผลิตอากาศยาน ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายหลังโควิด-19 การผ่อนคลายมาตรการเดินทางของประเทศต่าง ๆ

โดยทุกภาคส่วนต้องมีการปรับตัว ทั้งในด้านมาตรการการเดินทาง การเพิ่มเส้นทางบินใหม่ แผนการจัดฝูงบิน การวางกลยุทธ์ใหม่ด้วยการพัฒนาศักยภาพให้รอบด้าน รวมถึงการทำให้ธุรกิจการบินสามารถฟื้นตัวจนกลับสู่สภาวะปกติและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นายนิตินัยกล่าวอีกว่า AOT หวังว่างานประชุมจะเป็นเวทีสำคัญของประเทศไทยในการแสดงศักยภาพความพร้อมรองรับการให้บริการผู้โดยสารและสายการบินจากทั่วโลก ทั้งยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศในภาคเหนือตอนบน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ทำให้เกิดการขับเคลื่อนในภาคเศรษฐกิจ การสร้างงาน สร้างรายได้

รวมทั้งการเชื่อมโยงของระบบคมนาคมขนส่ง ตามยุทธศาสตร์ชาติที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนต่อไป

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยพบว่าเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยทั้งสิ้น 11,153,026 คน มีรายได้การท่องเที่ยวอยู่ที่ 589,833 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประเทศที่มาเยือนไทย 10 อันดับแรกคือ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ลาว เวียดนาม สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย และกัมพูชา

ขณะที่ตลาดระยะไกลที่เดินทางเยือนไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ซาอุดีอาระเบีย และแคนาดา ทั้งนี้ เฉพาะเดือนมกราคม 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางสู่ประเทศไทยจำนวน 2,088,832 คน โดยในปีนี้คาดว่าตลาดจีนจะกลับคืนสู่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ที่จะเข้ามาหนุนเสริมการท่องเที่ยวให้มีการเติบโตมากยิ่งขึ้น