
ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 3/2566 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการท่องเที่ยว การผลิต และรายได้เกษตรที่ขยายตัว ตลาดแรงงานปรับดีขึ้น ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดสถานการณ์สงครามฮามาสและอิสราเอลอาจกระทบต่อราคาพลังงานในไตรมาสต่อไป
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) โดยนางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ แถลงข่าว “ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 3/2566”
โดยพบว่ารายได้เกษตรกรขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ 13.7% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 35.9% เนื่องจากผลผลิตที่หดตัว ตามการลดลงของข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าปีก่อน รวมทั้งผลผลิตลำไยลดลงจากสภาพอากาศผันผวน ส่วนด้านราคาขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามราคาข้าวที่มีอุปสงค์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และราคาลำไยสูงขึ้นตามผลผลิตที่ลดลง
ด้านผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 6.0% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 3.9% โดยเป็นการขยายตัวจากหมวดอาหารแปรรูป ประกอบกับหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวจากการเร่งผลิตรองรับโทรศัพท์รุ่นใหม่ และชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านหมวดเครื่องดื่มลดลงในกลุ่มสุราขาว น้ำดื่ม และโซดา ส่วนหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยหดตัวต่อเนื่อง ทั้งเครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ ตามอุปสงค์คู่ค้าที่ยังอ่อนแอ
ด้านการท่องเที่ยวปรับดีขึ้น จากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว ประกอบกับชาวต่างชาติทยอยฟื้นตัวแม้ต่ำกว่าคาด โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีอัตราเพิ่มขึ้นเพียง 9.2%
สำหรับตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผู้ขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานตามมาตรา 38 ที่ลดลง เป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้เล็กน้อย สะท้อนจากการใช้จ่ายในหมวดบริการและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หมวดสินค้ากึ่งคงทนลดลงหลังเร่งไปในช่วงก่อน และหมวดยานพาหนะลดลงจากรถกระบะและรถจักรยานยนต์หดตัว ส่วนรถยนต์นั่งยังขยายตัวได้ ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว ตามการนำเข้าสินค้าทุนที่ลดลง ประกอบกับรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนก่อสร้างลดลงจากยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง
อย่างไรก็ดี พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างหดตัวน้อยลง โดยปรับดีขึ้นบ้างในประเภทพื้นที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวเล็กน้อย จากการเบิกจ่ายของรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงไตรมาสก่อน จากหมวดอาหารสด และเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลง
นางพรวิภากล่าวต่อว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาคเหนือในไตรมาส 3 ยังสูงต่อเนื่อง แต่แนวโน้มก็เริ่มมองเห็นสัญญาณความสามารถในการชำระหนี้ที่มีสูงขึ้น จากการเปิดโอกาสของสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ให้ลูกหนี้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ หรือธนาคารเฉพาะกิจ อย่าง ธกส. ที่ออกมาตรการพักหนี้เกษตรกร เป็นต้น จึงคาดว่าแนวโน้มไตรมาสต่อไปหนี้ครัวเรือนจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 4/2566 คาดว่าอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวของภาคเหนือ ทำให้แนวโน้มนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น
ประกอบกับผลผลิตอุตสาหกรรมมีทิศทางขยายตัวตามความต้องการของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ตลาดแรงงานปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรคาดว่าชะลอลงตามผลผลิตที่ลดลง รวมทั้งค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการบริโภค
นางพรวิภากล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามในไตรมาส 4/2566 อาทิ ผลผลิตการเกษตรที่จะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญและความผันผวนของสภาพอากาศ รวมถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งกลุ่มฮามาสและอิสราเอลที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในไตรมาสต่อไป