จับตา โควิดเชียงใหม่ ผู้ติดเชื้อพุ่ง ก่อนเปิดเมืองรับ นักท่องเที่ยว 1 พ.ย.

จับตาโควิดเชียงใหม่ ผู้ติดเชื้อพุ่ง ก่อนเปิดประเทศ 1 พ.ย.
แฟ้มภาพ

จังหวัดเชียงใหม่ กำลังนับถอยหลังเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว 46 ประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว พร้อมกับอีก 16 จังหวัด ในวันที่ 1 พ.ย. ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ติดอันดับท็อป 10 ของประเทศ 

วันที่ 21 ตุลาคม 2564 สำนักงานประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ รายงานว่า แพทย์หญิง กชพร อินทวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงดาว ในฐานะรองผู้อำนวยโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่กำลังเตรียมการที่จะปรับสถานภาพของโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมที่เปิดรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้เป็นสถานที่สำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองหรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง

ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนเตียงสำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เริ่มไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้ เพราะการดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการรักษาอาการของผู้ป่วย เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการทางปอด จำเป็นต้องให้ยารักษา ให้น้ำเกลือ ให้ออกซิเจน ต้องมีการเอ็กซเรย์ปอดอย่างต่อเนื่อง

และที่สำคัญ ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์และพยาบาล หากไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการดูแลไม่ดี อาจจะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง มีอาการป่วยที่รุนแรงขึ้นจนกลายเป็นผู้ป่วยสีส้ม และสีแดง หรือผู้ป่วยอาการหนักถึงหนักมากได้ตามลำดับ และอาจจะส่งผลต่อชีวิตของผู้ป่วยได้

สัปดาห์หน้าเพิ่มเตียงสีเหลืองครบ 150 เตียง

สำหรับแนวทางในการปฏิบัตินั้น จะทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปกติมีเตียงผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หรือผู้ป่วยที่แข็งแรงและไม่มีอาการ จำนวน 1,500 เตียง ให้กลายเป็นพื้นที่ดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง จำนวน 150 เตียงแทน โดยได้เริ่มจัดพื้นที่รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองเป็นวันแรกแล้วในเบื้องต้น จำนวน 50 เตียง โดยมีผู้ป่วยสีเหลืองทยอยเข้ามารักษาแล้วกว่า 30 ราย

ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลสนาม ยังมีผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวคงค้างอยู่ในโรงพยาบาลสนามอีกประมาณ 1,000 เตียง ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เหลืออยู่ หากมีอาการแข็งแรงและผ่านการรักษาตัวครบ 10 วันแล้ว จะส่งไปกักตัวต่อที่ศูนย์พักคอยในแต่ละชุมชนหรือที่บ้าน เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแนวทางของแพทย์

จากนั้นจะปรับเปลี่ยนเตียงที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้เป็นเตียงสำหรับรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองอีก 100 เตียง จนครบ 150 เตียง ตามกำหนด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันจันทร์ ที่ 25 ตุลาคม ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการระบายผู้ป่วยสีเขียวออกไปได้มากน้อยเพียงใดด้วย

ผู้ป่วยสีเหลืองใช้แพทย์เพิ่ม

แพทย์หญิงกชพร กล่าวอีกว่า ในการรักษาพยาบาล พบว่า การดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หรือผู้ป่วยที่แข็งแรง ไม่มีอาการ 10 คน จะเท่ากับการดูแลผู้ป่วยสีเหลือง หรือผู้ป่วยที่มีอาการทางปอด 1 คน ดังนั้น สิ่งที่มีความจำเป็นที่สุดในขณะนี้ คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่จะดูแลรักษาผู้ป่วยในกลุ่มสีเหลือง ซึ่งปกติแล้วการดูแลผู้ป่วยสีเขียว 1,500 คน ที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ จะใช้แพทย์ 2 คน และพยาบาล เจ้าหน้าที่ ดูแลผู้ป่วยผลัดละ 10 คน

แต่เมื่อเปลี่ยนกลุ่มการรักษาเป็นผู้ป่วยสีเหลือง 150 คน จะต้องใช้พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ดูแลอย่างน้อย 20 – 30 คน ใช้แพทย์อย่างน้อย 4 คน และแพทย์เฉพาะทางอีก 1 คน

ทั้งนี้ แพทย์หญิงกชพร ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ดูแลรักษาสุขภาพตนเองอย่างดี งดการเดินทางหรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 และจะหยุดการแพร่ระบาดได้

สถานการณ์โควิดในเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งถึง 412 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 13,012 ราย เสียชีวิตสะสม 45 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลอยู่ที่ 3,117 ราย มากสุดที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ 3,117 ราย

แบ่งเป็นเตียงสีเขียว 2,578 ราย (ว่าง 3,871 เตียง) สีเหลือง 458 ราย (ว่าง 478 เตียง) และสีแดง 81 ราย (ว่าง 85 เตียง)

ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่มากที่สุดวานนี้ จังหวัดเชียงใหม่ติดอันดับที่ 8 มากกว่าจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่ติดท็อปเทนต่อเนื่อง

วานนี้ (21 ต.ค.) มติชน รายงานว่า จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้พบการระบาดทั้งจากคลัสเตอร์เดิมและคลัสเตอร์ใหม่ เช่น คลัสเตอร์ตลาดวโรรสและตลาดต้นลำไย คลัสเตอร์บ้านขุนช่างเคี่ยน คลัสเตอร์ตลาดเมืองใหม่  คลัสเตอร์บริษัทเกเบี้ยน โปรดักส์ ไทยแลนด์ คลัสเตอร์อู่ซ่อมรถออการาจ คลัสเตอร์ชุมชนย่านช้างคลาน คลัสเตอร์งานศพ คลัสเตอร์งานวันเกิด ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเตือนประชาชนที่เดินทางไปยังสถานที่เสี่ยง ให้สังเกตอาการตนเอง 14 วัน หากพบอาการผิดปกติ ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง หรือที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ

ยกเลิกเคอร์ฟิวเชียงใหม่

เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ลงนามใน คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 18/2564 เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

โดยมีการประกาศพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวมีทั้งหมด 17 จังหวัด หนึ่งในนั้นคือ จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะ อ.เมืองเชียงใหม่ ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง

สาระสำคัญของคำสั่งนี้คือ ข้อ 3 การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน โดยให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจากการจำแนกจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น.ของวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2564

เชียงใหม่พร้อมเปิดเมือง 1 พ.ย.

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ “Open Chiang Mai to The Next Pages” โดย นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มผ่อนคลายแล้วหลายส่วน ขณะเดียวกันคณะกรรมการโรคติดต่อก็ยังมีการควบคุม การตั้งด่านสกัดในทุกด้าน ซึ่งกรณีคนไทยที่จะเดินทางเข้ามาต้องฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม พร้อมการปฏิบัติตามมาตรการด้านต่างๆที่กำหนดไว้

ได้แก่ หายจากการติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 3 เดือน และต้องลงทะเบียน CM-Chana ดังนั้น คนไทยที่จะเดินทางเข้ามาสามารถเข้ามาได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวของเชียงใหม่มีชื่อเสียงและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว เดิมมีสัดส่วนราว 70% หรือประมาณ 7 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในพื้นที่จะเร่งปูพรมให้ครอบคลุมตามเกณฑ์มากที่สุด

ด้าน นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า  องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเชียงใหม่ในปีนี้ เนื่องจากเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID -19 มาเกือบ 2 ปี

ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รายได้ และเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัดอย่างมหาศาล ดังนั้นปลายปีนี้จึงเป็นโอกาสที่เราต้องฝ่าสถานการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ได้

ทั้งนี้ อบจ.ให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน โดยได้จัดสรรงบประมาณจัดซื้อวัคซีนทางเลือกยี่ห้อ “โมเดอร์น่า” จำนวน 100,000 โดส และได้จัดซื้อเพิ่มล่าสุดอีก 60,000 โดส  และจะได้เร่งกระบวนการเพื่อให้มีการจัดสรรวัคซีนลงในพื้นที่เพิ่มให้ถึงเกณฑ์ 70% ของประชากรในพื้นที่ ที่จะสามารถสร้างความมั่นใจในการเปิดเมืองระยะยาวได้

นอกจากนั้นยังได้จัดสรรมอบชุดตรวจโควิด – 19 (Antigen Test Kit : ATK) จำนวน 10,000 ชุด ให้กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการตรวจคัดกรองประชาชนที่เป็นผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูง  

สถานการณ์โควิดในจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในฐานะ 1 ใน 17 จังหวัด พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ว่าจะเอาอยู่ ทั้งในแง่การควบคุมโรคและการฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว หรือไม่ ?