โอท็อป ส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 5 พันล้าน

สินค้าโอท็อป

เครือข่ายโอท็อปไทยส่งสัญญาณฟื้นตัว ตั้งเป้ายอดขายสินค้าโอท็อปสิ้นปี 2565 พุ่ง 5,000 ล้านบาท เตรียมเดินสายจัดงานทั่วไป วันที่ 5-14 ก.ค. 2565 เตรียมจัดงานโอท็อปศรีวิชัย ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

เผยน้ำมันพุ่งยังไม่กระทบมากนัก เพราะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น แถมบริษัท ไปรษณีย์ไทย จับมือกรมการพัฒนาชุมชน ช่วยลดค่าขนส่ง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนธุรกิจสายการบินที่เคยให้ส่วนลด ขอยกเลิกให้ใช้บริการราคาปกติ

นายพงศ์สวัสดิ์ ยอดสุรางค์ ประธานเครือข่ายโอท็อปไทย ประธานเครือข่ายโอท็อปภาคใต้ และประธานคณะกรรมการเครือข่ายโอท็อป (OTOP) จังหวัดสงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ยอดขายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีมาก จากที่มีผู้ประกอบการประมาณ 100,000 รายทั่วประเทศที่เคยสร้างรายได้รวมประมาณ 100,000 ล้านบาท/ปี ในช่วงโควิดหันไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงได้เริ่มหันกลับมาผลิตสินค้าโอท็อปแล้วประมาณ 80%

คาดว่าครึ่งหลังของปีนี้จะหันมาประกอบการเต็ม 100% และคาดว่าภาพรวมสิ้นปี 2565 จะมียอดขายสินค้าโอท็อปประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท

“หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทางกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับเครือข่ายโอท็อปไทยจัดงานโอท็อปมิดเยียร์ 2022 ที่เมืองทองธานี ขึ้นเมื่อวันที่ 1-12 มิถุนายน 2565 จัดบูทจำหน่ายสินค้าประมาณ 2,000 บูท จากช่วงปกติก่อนโควิด-19 จะมีบูทเข้าร่วมประมาณ 3,000 บูท โดยมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 200,000-300,000 คน

“โดยผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปที่ทำยอดขายได้ดี คือราคาระดับกลาง ๆ 1,000-2,000 บาท ส่วนผลิตภัณฑ์ราคาสูงยังขายยาก ส่วนประเภทสินค้าที่ขายดี ได้แก่ กลุ่มอาหาร รองลงมากลุ่มเสื้อผ้า

“ทางกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้วางเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 500 ล้านบาท สามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ หลังงานกิจกรรมที่เมืองทองธานีแล้ว จะมีการจัดกิจกรรมงานโอท็อปศรีวิชัย ระหว่างวันที่ 5-14 กรกฎาคม 2565 ที่ศูนย์ประชุม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจะมีกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป”

นายพงศ์สวัสดิ์กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์ต้นทุนการผลิตสินค้าที่ขยับสูงขึ้นทุกตัว ในส่วนผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปเป็นของในชุมชนในพื้นที่ และทางด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อป ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมีส่วนลดประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม

ส่วนการขนส่งทางสายการบิน หลายสายการบินงดการขนส่งสินค้าผลิตภัณฑ์โอท็อปไปก่อน จากเดิมที่มีส่วนลดในการให้บริการ แต่ตอนนี้ที่เปิดบริการขนส่งทางสายการบินเหลือเพียงสายการบินแอร์เอเชีย และทางด้านอัตราค่าบริการ ได้ปรับจาก 6 บาท/กก. เป็น 15 บาท/กก.