“แม็คโคร” มั่นใจร้านโชห่วยยังโตได้ ผนึกทัพซัพพลายเออร์-สถาบันการเงิน หนุน “บัดดี้มาร์ท” ชิงผู้ประกอบการโชห่วย พร้อมงัดกลยุทธ์หลากจุดขายทั้งโปรโมชั่นถี่รายสัปดาห์-เดือน คอร์สอบรมบริการ-บริหาร สินเชื่อพิเศษ ฯลฯ มั่นใจปี’65 ครบ 300 สาขา ก่อนกระโดดเป็น 2 พันสาขาปี’66
นายเอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมหรือร้านโชห่วยเป็นฐานสำคัญของทั้งวงการค้าปลีกและบริษัท เนื่องจากตามข้อมูลของสมาคมค้าปลีกร้านค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนถึง 45-47% ของตลาดค้าปลีก ขณะเดียวกันยังคงอยู่รอดได้ แม้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 สะท้อนจากฐานสมาชิกกว่า 5 แสนราย ซึ่งสร้างรายได้ 30% ให้บริษัทนั้นไม่เพียงไม่ลดลง แต่ยังสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเป็น 32-33% เมื่อมีมาตรการช่วยเหลือจากรัฐอีกด้วย
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
อีกทั้งจำนวนผู้ประกอบการยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากเทรนด์สร้างรายได้เสริมที่มาแรงในกลุ่มคนทำงานประจำ แม้แต่เทรนด์ที่ธุรกิจใหญ่ อย่างโลตัส บิ๊กซี ตะวันแดง ฯลฯ ต่างพยายามเข้าปรับร้านโชห่วยให้เป็นค้าปลีกสมัยใหม่นั้น ถือเป็นอีกปัจจัยหนุนการเติบโตของวงการโชห่วย
สำหรับบริษัทได้ส่งร้านบัดดี้มาร์ท โมเดลธุรกิจที่มุ่งปรับปรุงร้านโชห่วยให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่เข้าร่วมเทรนด์ด้วยเช่นกัน โดยเริ่มนำร่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โฟกัสฐานลูกค้าสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการร้านโชห่วยในพื้นที่ภาคกลางและอีสาน ซึ่งมีร้านโชห่วยหนาแน่น โดยวางเงื่อนไขการเข้าร่วมที่การลงทุน 4 แสนบาท แบ่งเป็น เงินประกัน 2 แสนบาท และค่าปรับปรุงร้าน 2 แสนบาท เมื่อผ่านการพิจารณาแล้วเปิดร้านได้ใน 30-45 วัน โดยที่บริษัทจะลงทุนลงสินค้าครั้งแรกมูลค่าสูงสุด 1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดร้านค้า ปัจจุบันเปิดบริการแล้ว 25 สาขา และมีเป้าแตะ 300 สาขาในปี 2565 นี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างเซ็นสัญญากว่า 200 ราย ก่อนจะเพิ่มเป็น 2 พันสาขาในสิ้นปี 2566
พร้อมวางกลยุทธ์สร้างความได้เปรียบด้วยการต่อยอดโนว์ฮาวจากการทำธุรกิจกับร้านโชห่วยมากว่า 33 ปี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เครือข่ายโกดัง-สายส่งสินค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศมาสร้างโซลูชั่นเพิ่มลูกค้า-ยอดขาย ไปจนถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเพื่อจูงใจให้เข้าร่วมโครงการ
“บัดดี้มาร์ทจะต่างจากโครงการมิตรแท้โชห่วยที่เราเคยทำตรงที่ครั้งนี้จะมีระบบที่วัดผลของการปรับปรุงให้เจ้าของร้านเห็นได้ชัดเจน และบริษัทเข้าไปมีส่วนสนับสนุนมากกว่าการให้เพียงอบรมให้ความรู้”
นายเอกพลกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีการผนึกพันธมิตรที่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โอสถสภา เนสท์เล่ ไทยน้ำทิพย์ พีแอนด์จี มาจัดโปรโมชั่น แชร์ข้อมูลอินไซต์ลูกค้า จัดคอร์สอบรมด้านการบริการ-บริหารสต๊อกสินค้า รวมไปถึงดึงสถาบันการเงิน อย่างธนาคารกรุงเทพ มาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโมเดลบัดดี้มาร์ท ในเงื่อนไขพิเศษ เช่น สามารถกู้เต็มวงเงินลงทุน ผ่อนนาน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดความสามารถในการขอกู้เงินเพื่อปรับปรุงร้าน
ขณะที่บริษัทจะเป็นผู้สนับสนุนด้านระบบไอที การทำตลาด และการรีโนเวตร้าน เช่น เครื่องคิดเงิน (POS) ระบบบริหารสต๊อก การจัดวางสินค้าให้เหมาะกับดีมานด์ของร้าน รอบการจัดส่งสินค้าที่ถี่ได้ถึง 4 รอบต่อสัปดาห์เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสขาย และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายแบบรายสัปดาห์และรายเดือน
หลังจากนี้ยังมีแผนเพิ่มบริการพิเศษอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เติมเงินจากทรู ตู้กาแฟอัตโนมัติ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และในอนาคตยังวางแผนเพิ่มสินค้าชุมชนภายในร้านอีกด้วย
ล่าสุด บัดดี้มาร์ทได้จัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ประกอบการ ด้วยการยกเว้นค่าปรับปรุงร้านสูงสุด 2 แสนบาท ทั้งนี้เฉพาะลูกค้าโชห่วย เลขท้ายบัตรสมาชิก 101 106 107 สาขานครราชสีมา นครราชสีมา 2 ปากช่อง อุดรธานี ขอนแก่น 1 ขอนแก่น 2 ชุมแพ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ จำกัด 300 สิทธิ ตั้งแต่วันนี้-31 ธ.ค. 2565
