“อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบีเจซี “บิ๊กซี” ได้แชร์ภูมิปัญญาการบริหารธุรกิจของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” หนึ่งในนักธุรกิจใหญ่ระดับตำนานของไทย ที่ช่วยพาธุรกิจฝ่าวิกฤตต่าง ๆ มาได้หลายครั้ง
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ในงานสัมมนา “THAILAND 2023 THE GREAT REMAKE เศรษฐกิจไทย” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบีเจซี “บิ๊กซี” ได้แชร์แนวคิดการบริหารธุรกิจที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก “เจริญ สิริวัฒนภักดี” หนึ่งในนักธุรกิจใหญ่ระดับตำนานของไทย ที่มีผลงานพาธุรกิจภายใต้การบริหารฝ่าวิกฤตมาหลายครั้งและสามารถเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือบีเจซี ที่มีธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่าง บรรจุภัณฑ์ สบู่ กระดาษชำระ รวมไปถึงห้างค้าปลีกบิ๊กซีที่มีสมาชิกกว่า 18 ล้านหมายเลข
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
“อัศวิน” เล่าว่า เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร รวมถึงเป็นพ่อตาของตนด้วยนั้น เป็นคนถ่อมตัว การถ่ายทอดความรู้ในการบริหารธุรกิจจึงเป็นการปฏิบัติแบบทำให้เห็นจริง โดยเฉพาะเรื่องความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการเข้าใจในธุรกิจที่ทำอย่างแท้จริง
เรียกได้ว่า การเข้าบริหารธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องลงลึกรู้จริง อีกจุดคือให้มองว่าถ้าเสียที่สุดยังยืนอยู่ได้ ซึ่งเป็นกรอบความคิดที่บีเจซีนำมาปฏิบัติตามอยู่เสมอ ว่าต้องดูแลธุรกิจให้มีความมั่นคง
“คุณพ่อกล่าวอยู่เสมอว่า หากไม่สามารถเข้าใจธุรกิจได้ก็ขายแล้วไปเล่นหุ้นดีกว่า เพราะหากไม่สามารถควบคุมเองได้ ปล่อยให้คนอื่นทำแทนดีกว่า เนื่องจากหากจะไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตและตอบแทนผู้ถือหุ้นได้”
อีกเรื่องคือการรุกตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับการสอนอยู่เสมองว่า ต้องหาคู่ค้าที่ดี ให้เหมือนมีเพื่อนที่สามารถเชื่อใจได้
โดยตัวอย่างที่นำทั้ง 2 เรื่องมาปรับใช้ คือ การรุกตลาดต่างประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน 5 ปี โดยมีแนวคิดเริ่มจากการที่ไทยนั้นแม้จะมีประชากร 70 กว่าล้านคน แต่ถือเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่ในระดับโลก โดยเฉพาะธุรกิจค้าขายสินค้าบริโภคที่ลูกค้าไม่สามารถเพิ่มการบริโภคให้สูงกว่าปัจจุบันได้มากนัก และเมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัยการบริโภคยิ่งลดลง ทำให้การที่ธุรกิจจะเติบโตต่อไปค่อนข้างยาก
จึงต้องมองออกไปสร้างการเติบโตนอกประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ เช่น การรุกไปยังเวียดนามซึ่งเราไปเมื่อ 14 ปีก่อน ซึ่งในเวียดนามเราได้พาร์ตเนอร์ที่ดี เสมือนเป็นผู้ใหญ่ที่คอยสนับสนุน ป้องกันหลาย ๆ ด้าน ช่วยให้สามารถต่อยอดขยายธุรกิจต่อไปยังลาวและกัมพูชาได้ในเวลาต่อมา
จนปัจจุบันเริ่มมองต่อไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ ที่มาการเติบโตสูงอย่างละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง เน้นเรื่องการเชื่อมโยงการค้าก่อน ยังไม่ถึงขั้นตั้งฐานการผลิต หรือห้างค้าปลีก เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นนี้การลงทุนขนาดใหญ่ยังเสี่ยงเกินไป
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภูมิปัญญาการบริหารธุรกิจของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” ซึ่งได้ถ่ายทอดให้กับ “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” และพากลุ่มบีเจซี ฝ่าอุปสรรคการดิสรัปต์ในวงการค้าปลีกมาได้
