MAKRO เปลี่ยนชื่อเป็น “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ใช้ชื่อย่อหุ้นใหม่ CPAXT

CP Axtra ซีพี แอ็กซ์ตร้า ค้าปลีก ค้าส่ง

สยามแม็คโคร (MAKRO) เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” อย่างเป็นทางการแล้ว คาดเปลี่ยนชื่อย่อหุ้นเป็น “CPAXT” 21 มิถุนายนนี้ ย้ำสร้างความชัดเจนของธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ส่วนแบรนด์ค้าปลีก-ส่ง ยังใช้ “แม็คโคร” และ “โลตัส” ตามเดิม

วันที่ 15 มิถุนายน 2566 นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2566 บริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่อย่างเป็นทางการเป็น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CP Axtra Public Company Limited

และคาดว่าในวันที่ 21 มิถุนายน 2566 จะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่เป็น CPAXT เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท ที่สะท้อนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งค้าส่ง (แม็คโคร) และค้าปลีก (โลตัส) รวมทั้งธุรกิจการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า พร้อมเดินหน้าตามปณิธาน การทำธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย ทั้งในด้านการสร้างงานสร้างอาชีพ การสนับสนุนเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส รวมถึงการเป็นองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นายธานินทร์กล่าวว่า แนวคิดของคำว่า Axtra ในชื่อบริษัท มาจากคำว่า Advance ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อนองค์กรให้นำหน้ากว่า ก้าวไปข้างหน้า และทันสมัย และคำว่า Extra ซึ่งสื่อความหมายว่า ดีกว่า เพิ่มประสิทธิภาพยิ่งกว่า ในการตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความเชี่ยวชาญทั้งค้าส่งและค้าปลีก

นายธานินทร์กล่าวต่อว่า หลังจากเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามแนวทางเช่นเดิม ขณะที่นโยบายการจัดหาสินค้ายังคงเปิดกว้างและร่วมเคียงข้างกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ หลากหลาย ในราคาเอื้อมถึงได้

และพร้อมให้การสนับสนุนแก่เอสเอ็มอีและเกษตรกรรายย่อยในการเป็นช่องทางขายสินค้า เพื่อนำสินค้าของไทยที่มีคุณภาพกระจายสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงควบคู่กับ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาลที่ดี

สำหรับการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท และชื่อย่อหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 และมติผู้ถือหุ้นที่ได้รับอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของธุรกิจ รวมถึงรองรับธุรกิจอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว ในการขยายธุรกิจสู่บางประเทศ ที่อาจมีข้อจำกัดในการใช้แบรนด์แม็คโคร หรือ โลตัส อีกด้วย

ขณะที่ข้อมูลผลประกอบการ ไตรมาส 1/2566 ระบุว่า บริษัทซึ่งขณะนั้นยังเป็น บมจ.สยามแม็คโคร มีรายได้รวม 120,222 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขาย กลุ่มธุรกิจค้าส่ง 63,993 ล้านบาท รายได้จากการขาย กลุ่มธุรกิจค้าปลีก 50,051 ล้านบาท และรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้า 3,558 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาสดังกล่าว กำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ที่ 5.6%

ส่วนจำนวนสาขาในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) พบว่า แม็คโคร (MAKRO) มีสาขาในประเทศไทย 153 สาขา และสาขาในต่างประเทศ 10 สาขา รวมพื้นที่จำหน่ายสินค้า 851,663 ตารางเมตร

ด้าน โลตัส (Lotus’s) มีสาขาในประเทศไทย 2,589 สาขา และสาขาในประเทศมาเลเซีย 65 สาขา รวมพื้นที่จำหน่ายสินค้า 1,828,108 ตารางเมตร และรวมพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวร 1,066,917 ตารางเมตร มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณร้อยละ 90-95