
ซีพี แอ็กซ์ตร้า โชว์ผลงานไตรมาส 3/66 กวาดรายได้รวม 119,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,841 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% คาดยอดขายไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 119,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายภายในสาขา การขายออนไลน์ การขายนอกร้าน และการส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) พร้อมทั้งการเติบโตของรายได้ค่าเช่า รวมถึงการให้บริการศูนย์การค้า
- วิกฤตหรือไม่วิกฤต คำตอบผู้ว่าการ ธปท.
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิที่ไม่รวมผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านค้าส่ง (Wholesale Business) ในประเทศสาธารณประชาชนจีน มีจำนวน 1,716 ล้านบาท เติบโตอัตราร้อยละ 7 ซึ่งเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นถ้าเทียบกับครึ่งปีแรก
ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 361,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีซั่น จากความเชื่อมั่นในการบริโภคที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) ขยายตัวต่อเนื่อง จากการปรับโฉมใหม่ของสาขาที่สามารถเพิ่มอัตราการเข้าใช้บริการอย่างมีนัยยะสำคัญ (Traffic)
โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาในหลายรูปแบบ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 มีแผนขยายสาขาภายใต้แบรนด์แม็คโคร 6 สาขา และขยายซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้แบรนด์โลตัส 3 สาขา และมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มในการใช้สินทรัพย์เดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปรับรูปแบบสาขาให้เหมาะสมสำหรับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นเพิ่มยอดขายจาก Omni Channel โดยใช้เครือข่ายสาขากว่า 2,700 แห่ง ในการเป็นศูนย์การจัดส่งสินค้าขนาดเล็ก (Micro Fulfilment) ผนวกทัพเถ้าแก่ขาย (Salesforce Team) เพื่อสร้างยอดขายในทุกมิติ
โดยเฉพาะการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization) ที่คาดจะเพิ่มสัดส่วนยอดขาย Omni Channel เป็นร้อยละ 15 ของยอดขายรวมภายในปี 2567
พร้อมมีแผนปรับโฉมพื้นที่ศูนย์การค้าในสาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตของคนทุกวัยในชุมชน (Community Center) โดยออกแบบให้แต่ละสาขามีสินค้าและบริการ อีกทั้งร้านค้าเช่าที่แตกต่างกันไปตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน
รวมถึงชูแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ส่งเสริมการเป็น Community Center เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ และจับจ่ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริหารศูนย์การค้าให้มีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง