ในยุคสมัยที่เปลี่ยน แต่ “นันยาง” ไม่เปลี่ยน ขออยู่แบบเดิมให้ “เก๋า”

จักรพล จันทวิมล นันยาง
จักรพล จันทวิมล นันยาง

ในยุคสมัยที่เปลี่ยน แบรนด์รองเท้าผ้าใบ “นันยาง” และรองเท้าแตะ “ช้างดาว” ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 70 ปี ยังคงย้ำจุดยืน และก้าวข้ามความท้าทายด้วยการ “ไม่เปลี่ยน” 

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวในงานสัมมนา “THAILAND 2024 : BEYOND RED OCEAN” ที่จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นันยาง เป็นผู้ผลิตรองเท้าผ้าใบนันยางและรองเท้าแตะนันยางตราช้างดาวที่อยู่คู่คนไทยและนักเรียนไทยมาอย่างยาวนานถึง 70 ปี 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์นันยางเริ่มขึ้นจากการที่ “คุณวิชัย ซอโสตถิกุล” ได้เริ่มทำธุรกิจซื้อมาขายไป ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการนำเข้ารองเท้าผ้าใบจากประเทศสิงคโปร์ยี่ห้อ “หนำเอี๊ย” เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย

ต่อมาภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อจาก “หนำเอี๊ย” เป็น “หนันหยาง” (Nan-Yang) ภาษาจีนกลาง และกลายเป็น “นันยาง” เพื่อให้ติดปากคนไทยมากขึ้น 

โดยในช่วงเวลาต่อมาในปี 2496 เป็นช่วงที่ประเทศสิงคโปร์เริ่มปรับเปลี่ยนและลดอัตราการผลิตลง จึงทำให้ทางนันยางเกิดไอเดียในการผลิตรองเท้าเอง และช่วงนั้นกิจการเริ่มไปในทิศทางที่ดี จึงติดต่อขอเป็นผู้ผลิตเองภายในประเทศไทย

ยุคสมัยเปลี่ยน แต่จุดยืนยังคงเหมือนเดิม

ดร.จักรพล เล่าให้ฟังต่อว่า มาสู่ปัจจุบัน แบรนด์รองเท้านันยางก็ได้เดินทางมาถึง 70 ปี ซึ่งหากย้อนกลับไปวันแรกของรองเท้านันยางในภาพจำตั้งแต่เริ่มเข้ามาในไทยจนถึงวันนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือยุคสมัย ซึ่งจะเห็นได้จากเริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุน เริ่มมีเทคโนยีต่าง ๆ เข้ามามากขึ้น

ADVERTISMENT

สมัยก่อนรองเท้าของนันยางใส่ได้ทั้งเล่นกีฬา เรียน ไปเที่ยว ทำงาน แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปรองเท้ามันก็ไม่สามารถเป็น all-around ได้ ยกตัวอย่างเช่น ใส่วิ่งในพื้นที่ต่างกัน มันก็จะต้องมีรองเท้าเฉพาะทาง 

จักรพล จันทวิมล นันยาง
จักรพล จันทวิมล กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ beyond RED OCEAN ร่วมกับสุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โทฟุซัง จำกัดในงานสัมมนา “Thailand 2024 : beyond RED OCEAN” จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ”

การปรับตัวของแบรนด์ “นันยาง”

“ขณะเดียวกัน ในตอนนั้นเราก็ไปเจอกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ใส่ทั้งวิ่ง ทั้งเดินในพื้นที่แตกต่างกัน นั่นก็คือกลุ่มนักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีปริมาณค่อนข้างใหญ่ 1 ใน 4 ของประเทศไทย”

ADVERTISMENT

“ซึ่งต้องบอกว่าจริง ๆ รองเท้านันยางเราไม่ใช่รองเท้านักเรียน แต่เป็นรองเท้าผ้าใบที่นักเรียนชอบใส่”

จึงเป็นอีกชาเลนจ์ที่เราจะต้องปรับตัว จึงได้ทำตลาดเกี่ยวกับกลุ่มนักเรียนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการที่นันยางเริ่มทำโฆษณาเกี่ยวกับนักเรียนออกมา ซึ่งรองเท้าผ้าใบนันยาง มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มนักเรียนอยู่ประมาณ 80%

“เป็นตลาดที่พูดเหมือนว่าง่าย นักเรียนมันก็ใส่กันตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้ว ความเป็นเด็ก ตั้งแค่ยุคคุณพ่อเรา เรา หรือยุคปัจจุบัน พฤติกรรม แนวคิดอะไรต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป”

“ดังนั้น การที่เราจะอยู่ในตลาดนักเรียนได้ ก็จะต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะรองเท้านักเรียนเวลาที่เขาใส่ยี่ห้อไหนแล้วก็จะซื้อยี่ห้อเดียว ซึ่งเราจะเรียกตลาดนี้ว่า ‘zero sum game’ คือ เกมที่ต้องมีแพ้-ชนะ เลือกได้ 1 อัน แล้วก็ไปสู้กันใหม่ เมษายน-พฤษภาคม (ช่วง Black to shcool)”

“ผู้เล่นทุกคนในตลาดนักเรียน ก็จะทุ่มสรรพกำลังทั้งหมดไปอยู่ในช่วงนั้น แล้วก็พยายามจะเอาลูกค้ามาให้ได้ นี่ก็คือ ‘zero sum game’ ในตลาดนักเรียน” 

นันยาง have fun ชิ้นส่วนสำคัญในช่วงโควิด

ดร.จักรพลเล่าต่อว่า ต่อมานันยางได้ออก “นันยาง have fun” รองเท้านักเรียนสำหรับเด็กประถมศึกษาโดยเฉพาะ จับกลุ่มอายุระหว่าง 4-10 ปี คอนเซ็ปต์ “เบา นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก” เป็นรองเท้าที่นันยางปล่อยออกมาช่วงโควิด โดยใช้เชือกยืดหยุ่นที่ไม่จำเป็นต้องผูก ทำให้เด็กไม่ต้องสัมผัสเชื้อโรค ตอบโจทย์ทั้งผู้ปกครองและตัวนักเรียน 

และ “นันยาง have fun” ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้นันยางสู้ในน่านน้ำสีแดงได้ และยังคงเติบโตและประคองตัวมาได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด

ช้างดาว ขวัญใจผู้คนทั้งไทย-ต่างชาติ

ดร.จักรพลกล่าวต่อว่า นอกจากรองเท้าผ้าใบแล้ว รองเท้าแตะนันยางตรา “ช้างดาว” ยังเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนานเช่นกัน ซึ่งเริ่มส่งออกได้ดีขึ้นในช่วงประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยจากนักท่องเที่ยว ประกอบกับเป็นจังหวะที่ดี ซึ่งใครหลาย ๆ คนก็คงเคยเห็นและได้ยินกระแสของกางเกงช้างกันอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีหลาย ๆ คนที่นำกางเกงช้างมาใส่แมตช์กับรองเท้าแตะช้างดาว ทางบริษัทจึงจัดแคมเปญ Experience Thailand ซึ่งผลตอบรับดีมาก 

“พอมันเริ่มมีกระแสดีขึ้น เราก็เลยมีอีกแคมเปญก่อนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เราใช้ตุ๊ก ๆ เป็นทูตช้างดาว เอารองเท้าช้างดาวไปให้พี่ ๆ คนขับตุ๊ก ๆ พอรับนักท่องเที่ยวก็แจกให้เขาไปลองใส่ดู” 

“ซึ่งเราจะใช้คำว่า ‘Wear like locals, wear Chang Dao.’ คือคุณใส่กางเกงช้าง แล้วใส่รองเท้าแตะช้างดาวไปด้วย อันนี้ก็เป็นอันหนึ่งที่ทำให้รองเท้าช้างดาวเป็นหนึ่งในทูตของประเทศไทย”

ดร.จักรพลกล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป การแข่งขันจะสูงขึ้น แต่เราก็ยังคงทำในสิ่งที่เราเก่ง และทำในสิ่งที่คู่แข่งทำไม่ได้ ซึ่งเราจะเปรียบเราเป็นปลาที่ไม่มีวันตาย เพราะไม่ว่าผ่านไปอีกกี่ปี เราก็ยังคงอยู่เคียงคู่ไปกับลูกค้าของเราต่อไป”