แมคโดนัลด์ ปี 2566 รายได้ 7.2 พันล้าน สูงสุดในรอบ 38 ปี กำไรโต 168%

McDonalds แมคโดนัลด์

แมคโดนัลด์ย้ำผู้นำตลาด QSR ปี 2567 ทุ่ม 600 ล้าน ลุยสร้างการเติบโตต่อเนื่อง หลังปี 2566 ทุบสถิติรายได้ 7,213 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 38 ปี ด้วยการชูกลยุทธ์การตลาด “เน้นความคุ้มค่า-จัดโปรโมชั่น” กระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมเดินหน้าขยายสาขา 20 สาขา และปรับโฉมร้านใหม่กว่า 25 สาขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ CUBE-Essential Ingredients 2.0 เพื่อหวังสร้างประสบการณ์ภายในร้าน ตั้งเป้าสิ้นปียอดขายโต 15%

วันที่ 12 มีนาคม 2567 นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมาภาพรวมตลาด QSR มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 45,000 ล้านบาท เติบโต 6-8% โดยแบ่งเป็น 3 ตลาดหลัก คือ ตลาดไก่ทอด 31,000 ล้านบาท ตลาดเบอร์เกอร์ 9,800 ล้านบาท และที่เหลือเป็นตลาดพิซซ่า

ซึ่งแมคโดนัลด์ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ โดยปี 2566 ที่ผ่านมา แมคโดนัลด์สามารถสร้างรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งแมคโดนัลด์ ประเทศไทย มาเป็นระยะเวลากว่า 38 ปี

รายได้-กำไร ปี‘66 สูงสุดในรอบ 38 ปี

โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,213 ล้านบาท เติบโต 31% จากปีก่อนหน้าที่มียอดขายรวม 5,504 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 315 ล้านบาท เติบโต 168% จากปีก่อนหน้า ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการนั่งทานในร้าน 63% ดีลิเวอรี่ 27% และไดรฟ์ทรู 10%

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จของเบอร์เกอร์ที่ยังคงเป็นพอร์ตหลักของแมคโดนัลด์ ที่ครองใจลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้ตลอดมา ด้วยสัดส่วนรายได้ที่มากกว่า 50% รวมถึงเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของไก่ทอดแมคที่สร้างการเติบโตถึง 40%

เดินหน้าเสริมแกร่ง-เน้นความคุ้มค่า

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 ท่ามกลางความท้าทายในแง่ของการแข่งขันในตลาด QSR ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ทางแมคโดนัลด์ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเบอร์เกอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น

โดยปี 2567 ได้วางงบฯการลงทุนไว้ที่ 600 ล้านบาท ในการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยจะยังคงตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเมนูชุด EVM (Everyday Value Meals) ในราคาเพียง 99 บาท หรือชุด McSavers 1+1 ในราคาเพียง 55 บาท

“ซึ่งในปีที่ผ่านมาชุด EVM สร้างการเติบโตมากถึง 47.8% ในขณะที่ชุด McSavers 1+1 มีอัตราการเติบโตกว่า 12% โดยในปีนี้เราก็จะยังคงทำอย่างต่อเนื่อง”

ลุยทำโปรโมชั่น-แคมเปญ ผลักยอดไก่ทอด

ขณะเดียวกัน จากภาพรวมตลาดไก่ทอดในไทยที่มีอัตราการเติบโตอย่างน่าสนใจและเพิ่มมากขึ้นในทุกปี จึงเป็นโอกาสทองของแมคโดนัลด์ที่จะต่อยอดความสำเร็จของไก่ทอดแมค โดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะสร้างการเติบโตไก่ทอดแมคอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ “ต้าห์อู๋ x ออฟโรด“ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Gen Z มากยิ่งขึ้น

”ซึ่งจากแคมเปญการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ดังกล่าว สามารถสร้างยอดขายไก่ทอดแมคเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 40% ที่มาจากการปรับสูตรใหม่”

นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญและโปรโมชั่นต่าง ๆ ของไก่ทอดแมคอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญของไทย เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อ เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ก็อาจจะมีการระมัดระวังการใช้จ่าย โดยคาดว่าในปี 2567 แมคโดนัลด์จะสามารถทำให้แมคไก่ทอดเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อีก

ย้ำตัวจริงเรื่องเบอร์เกอร์

พร้อมกันนี้ สำหรับพอร์ตเบอร์เกอร์ ที่เป็นกลุ่มสินค้าหลักของแมคโดนัลด์ บริษัทก็ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านเบอร์เกอร์ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นความเป็นผู้นำเรื่องคุณภาพและรสชาติ ตามคอนเซ็ปต์ Hotter, Juicier, Tastier ที่ได้เปิดตัวในช่วงปลายปี 2566 เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเบอร์เกอร์มากขึ้น

โดยจะเน้นย้ำถึงคุณภาพและรสชาติเบอร์เกอร์ด้วยเนื้อ 100% นำเข้าจากออสเตรเลีย ชุ่มฉ่ำขึ้นด้วยวิธีย่างเนื้อสุดพิเศษ พร้อมขนมปังสูตรเฉพาะของแมคโดนัลด์ที่มีความนุ่มและมันวาว ที่สร้างความแตกต่างจากตลาดได้อย่างชัดเจน โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันให้ยอดขายในกลุ่มเบอร์เกอร์โต 20%

ลุยเพิ่มเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ

ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีให้แก่ลูกค้า ที่ไม่ใช่เพียงความอร่อยและคุ้มค่า แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์การได้รับการบริการผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด สามารถให้ลูกค้าเลือกซื้อเมนูอาหารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

รวมถึงยังมีบริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และพนักงานต้อนรับ (GEL-Guest Experience Leader) ผู้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด

“ซึ่งที่ผ่านมาแมคโดนัลด์ถือเป็นเพียงแบรนด์เดียวในตลาด QSR ที่ให้ความสำคัญและส่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า”

โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะมอบประสบการณ์บริการที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) ให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศ หลังจากที่ผ่านมามีการเพิ่มเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติไปแล้ว 100 สาขา ซึ่งปัจจุบันแมคโดนัลด์มีจำนวนสาขาทั้งหมด 230 สาขาทั่วประเทศ

ลุยปรับโฉม-เปิดร้านใหม่

ตลอดจนมีแผนเดินหน้าเปิดสาขาใหม่กว่า 20 สาขา และรีโนเวตร้านเดิมไม่ต่ำกว่า 25 สาขาต่อปี โดยในปีนี้จะเห็นคอนเซ็ปต์ใหม่อีก 2 คอนเซ็ปต์ ได้แก่ คอนเซ็ปต์ “CUBE” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสุขในการแกะกล่อง Happy Meal มาผสานองค์ประกอบการออกแบบเพื่อเปลี่ยนโฉมความทรงจำในวัยเด็กสู่พื้นที่จริง

และคอนเซ็ปต์ “Essential Ingredients 2.0” ที่หยิบเอาเอกลักษณ์ของแมคโดนัลด์ในรูปทรงแบบไดนามิกและสีสันต่าง ๆ มาถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะพ็อปอาร์ตที่สนุกสนาน อีกทั้งยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ย้ำการเป็น Green & Sustainable

โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพการให้บริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์เทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้จะมีเปิดสาขาในคอนเซ็ปต์นี้อยู่ที่คลองสามวา 1 สาขา

ซึ่งจะเป็นสาขาต้นแบบ ที่มีการตกแต่งบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกร้านอย่างใส่ใจด้วยวัสดุรีไซเคิล สร้างบรรยากาศอันร่มรื่น ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ตลอดจนยังมีการอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในไตรมาส 2 ของปี 2567

อย่างไรก็ตาม จากแผนกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าจะผลักดันยอดขายโต 15% จากที่ต้นปีที่ผ่านมาในช่วง 2 เดือนแรก ก็จะเห็นความคึกคักอย่างมาก จากการทำกิจกรรม แคมเปญต่าง ๆ ของแมคโดนัลด์