
ไลอ้อนส่ง “เฟรช แอนด์ ซอฟท์” โฉม-สูตร-กลิ่นใหม่ หัวหอกรุกตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้า-ปรับผ้านุ่ม พร้อมทุ่มงบฯกว่า 50 ล้านบาท ดึง “จ๊ะ นงพณี” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ ก่อนโหมกลยุทธ์ Music Marketing และคาราวานแจกสินค้าบุกสีลม สยาม สาทร หวังหนุนยอดขาย “เฟรช แอนด์ ซอฟท์” ปี 2567 โตพุ่งกว่า 50%
นางสาวฐิติมา จตุรงคเวทย์ ผู้จัดการส่วนธุรกิจ ICC บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาเสื้อผ้า ทั้งเรื่องของความสะอาดที่ช่วยให้สุขอนามัยดี และความหอมสดชื่นที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่ ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าเติบโตสูงและต่อเนื่อง
สะท้อนจากสภาพตลาด ซึ่งในปีนี้ตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้ามีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท โตขึ้น 7.6% ส่วนผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม มีมูลค่าตลาดรวม 15,000 ล้าน มีอัตราการเติบโตขึ้น 6.8% และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการขยายครอบครัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่
ปรับโฉม-ปรับสูตร-เพิ่มกลิ่นใหม่
เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคตามเทรนด์ใหม่และชิงความได้เปรียบช่วงตลาดเติบโต บริษัทจึงเดินหน้าปรับสูตร เพิ่มกลิ่นใหม่ และปรับดีไซน์แพ็กเกจจิ้งให้กับทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้า และผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มแบรนด์ “เฟรช แอนด์ ซอฟท์”
โดยผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มเดินหน้าปรับสูตรทั้งสูตรมาตรฐานและสูตรเข้มข้น โดยมีไฮไลต์เป็นผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น Cool Relax ซึ่งเป็นสูตรเข้มข้นพิเศษตัวแรกในประเทศไทยที่มุ่งตอบโจทย์ด้านลดกลิ่นอับ กลิ่นเหงื่อและกลิ่นอาหาร ในขนาดบรรจุ 500 มล. ราคา 65 บาท
และ Full Serie ผลิตภัณฑ์ใหม่ในสูตรมาตรฐาน จำนวน 2 กลิ่น คือ Joyful และ Playful ที่ปรับสูตรเพิ่มความหอมสดชื่นมากขึ้นขนาดบรรจุ 450 มล. ราคา 12 บาท
นอกจากนี้ยังมีสินค้าสูตรอื่น ๆ เช่น สูตรมาตรฐาน Active Soft Fresh Serie จำนวน 4 กลิ่น ได้แก่ Lovely Kiss, Sparkling Kiss, Charming Kiss และ Morning Kiss ขนาดบรรจุถุงเติม 500 มล. ราคา 14 บาท และ Full Serie ผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนสูตรเข้มข้นจะประกอบด้วย 2 สูตร คือ สูตร Still All Day มี 3 กลิ่น คือ Amorous, Dearly และ Alluring
พร้อมกันนี้ยังปรับดีไซน์แพ็กเกจจิ้งสำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้า พร้อมปรับขนาดถุงเติมเป็น 400 มล. ในราคา 45 บาท เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากลูกค้าโดยส่วนใหญ่ของแบรนด์จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ และแม่บ้าน ที่ใส่ใจทั้งด้านสุขภาพและเสื้อผ้า จึงให้น้ำหนักกับการเลือกผลิตภัณฑ์ในการดูแลเสื้อผ้า และสุขภาพควบคู่กัน
ปูพรมกิจกรรมออนไลน์-ออฟไลน์
สำหรับแผนการกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์ “เฟรช แอนด์ ซอฟท์” ในปี 2567 บริษัททุ่มงบฯการตลาดกว่า 50 ล้านบาท รุกตลาดผ่านสื่อโฆษณาทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้ทั่วถึงมากขึ้น ทั้งทางออนไลน์ผ่านช่องทางของไลอ้อน และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซภายนอก อาทิ Shopee, Lazada และ TikTok เพื่อขยายโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันเตรียมโหมแคมเปญ-โปรโมชั่นกระตุ้นทั้งการขายและการทดลองใช้ ทั้งจัดคาราวานนำผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไปแจกให้กับกลุ่มผู้คนทั่วไปในย่านสีลม สยาม สาทร และกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ
พร้อมกันนี้ยังดึงตัว “จ๊ะ นงพณี” ศิลปินนักแสดง-นักร้องชื่อดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับตัวผลิตภัณฑ์ “เฟรช แอนด์ ซอฟท์” ผ่านการใช้กลยุทธ์ Music Marketing ซึ่งเนื้อหาเพลงจะจดจำง่าย และมีท่าเต้นที่สนุกเพื่อตอกย้ำแคแร็กเตอร์แบรนด์ที่เน้นความน่ารัก สวย สดใส ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
นางสาวฐิติมาย้ำว่า การแตกไลน์สินค้าใหม่ในครั้งนี้ จะทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการดูแลผ้าด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องง่าย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลาย โดยเฉพาะการช่วยยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้า
“โดยยุทธศาสตร์นี้จะช่วยสร้างการเติบโตตามเป้าของปี 2567 ที่ตั้งเป้าให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เฟรช แอนด์ ซอฟท์ เติบโตมากกว่า 50%”