
คอลัมน์ : Market Move
เวียดนามนับเป็นหนึ่งในประเทศที่ทั้งบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงติดอันดับโลก โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประเมินว่า ในปี 2025 เวียดนามจะมีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อหัวสูงที่สุดในเอเชีย และสูงเป็นอันดับ 25 ของโลก แต่ขณะเดียวกันเวียดนามก็มีความเข้มงวดในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากด้วยเช่นกัน หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดคือ กฎหมายเมาแล้วขับ ที่มีโทษปรับสูงถึง 3 ล้านดอง(ราว 3,700 บาท)
หวังรับมือปัญหาอุบัติเหตุจากการขับขี่ขณะมึนเมา หลังองค์การอนามัยโลกระบุว่า เวียดนามมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคอาเซียนในปี 2021
และในปี 2025 นี้ ความเข้มงวดในการควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ของเวียดนามกำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลเวียดนามผ่านกฎหมายขึ้นภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเบียร์ เหล้า ไวน์ ฯลฯ ในเวียดนามพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐสภาเวียดนามอนุมัติร่างกฎหมายขึ้นภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นเป็น 90% ภายในปี 2031 จากปัจจุบันอัตราภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวียดนามอยู่ที่ 65%
โดยตามกฎหมายใหม่นี้ อัตราภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง คือ เพิ่มเป็น 70% ภายในปี 2027 และเพิ่มเป็น 90% ภายในปี 2031
แม้ตัวเลข 90% นี้ จะนับว่าสูงมาก แต่ยังน้อยกว่าร่างกฎหมายเดิมที่พยายามเสนอให้ขึ้นภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นไปสูงถึง 100%
กระทรวงการคลังของเวียดนามอธิบายเหตุผลเบื้องหลังกฎหมายใหม่นี้ว่า มีจุดประสงค์เพื่อลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งตามข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ KPMG ระบุว่า เวียดนามเป็นตลาดเบียร์ใหญ่อันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม บรรดานักดื่มไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ได้รับผลกระทบจากความเข้มงวดของรัฐบาลเวียดนาม โดยภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวียดนาม ซึ่งนำโดยยักษ์ต่างชาติอย่างไฮเนเก้นจากเนเธอร์แลนด์ คาร์ลสเบิร์กจากเดนมาร์ก รวมถึง 2 ผู้เล่นท้องถิ่นอย่างซาเบโค และฮาเบโคนั้น ต่างได้รับผลกระทบมาตั้งแต่การออกกฎหมายเมาแล้วขับเมื่อปี 2019
นายกสมาคมเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเวียดนามระบุว่า รายได้ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เมื่อปี 2024 หนึ่งในยักษ์ของวงการอย่างไฮเนเก้น ตัดสินใจระงับการดำเนินงานของโรงเบียร์แห่งหนึ่งในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาสถานการณ์ในระยะยาว เนื่องจากเมื่อปลายปี 2024 รัฐบาลเวียดนามพยายามผ่อนปรนกฎหมายเมาแล้วขับด้วยการเสนอลดค่าปรับกรณีเมาแล้วขับลง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (Ministry of Public Security) ได้ออกร่างกฤษฎีกาใหม่ที่จะผ่อนปรนโทษปรับลง โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือด (Blood Alcohol Concentration) หรือ BAC ต่ำกว่า 0.05% จะถูกปรับสูงสุดไม่เกิน 600,000 ดอง (ราว 790 บาท) จากปัจจุบันที่ 3 ล้านดอง
หลังความเข้มงวดของกฎหมายเดิม ทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การยึดรถจักรยานยนต์นับแสนคัน จนกองเป็นภูเขาในนครโฮจิมินห์ เนื่องจากบรรดาเจ้าของจักรยานยนต์ต้องการเลี่ยงค่าปรับ ที่บางกรณีสูงกว่าราคารถ จึงตัดสินใจยอมทิ้งจักรยานยนต์แทน นอกจากนี้ ชาวเวียดนามบางส่วนยังเกรงว่า การกินผลไม้หมักดองอาจทำให้ผิดกฎหมายเมาแล้วขับได้ด้วย
ขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ พยายามแก้ปัญหายอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง โดยการออกคูปองเรียกรถ บริการเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และให้พนักงานที่ร้านขับรถพาลูกค้าที่เมากลับบ้าน
ดังนั้น จึงต้องรอดูว่าเมื่ออัตราภาษีใหม่นี้บังคับใช้แล้วจะมีการปรับเปลี่ยน หรือผ่อนปรนทีหลังเช่นเดียวกันหรือไม่