ตลาดอาหารสุขภาพโตแรง “มังคิคิงฟู้ด” ชูบุกแปรรูปจับกลุ่มเฮลตี้

มังคิคิงฟู้ด

“มังคิ คิง ฟู้ด” เปิดเกมรุกอาหารเพื่อสุขภาพ ระดมอาหารแปรรูปจากบุกเขย่าตลาด รับเทรนด์รักสุขภาพมาแรง ชูเส้นบุกขาวเป็นหัวหอก พร้อมส่งสินค้าใหม่ “พาสต้าโอ๊ต ไฮไฟเบอร์” ลงตลาด เดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าคลีน-คีโต มั่นใจโกยรายได้โตต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ

นางธนิสตา ชูทวี ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท มังคิ คิง ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากบุก ภายใต้แบรนด์โมคิ (MOKI) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันจากเทรนด์ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ทำให้แนวโน้มธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารหรือบริการเกี่ยวกับสุขภาพมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดจนวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มสินค้าสุขภาพมีการเติบโตมากขึ้น

ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายโต 35-40% หรือมีรายได้ 20-24 ล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพาสต้าโอ๊ต บะหมี่โอ๊ตผสมบุก ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมายสุขภาพโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มที่รับประทานอาหารคลีน กลุ่มที่รับประทานที่เน้นไขมันสูงและลดคาร์โบไฮเดรต หรือคีโต กลุ่มนักออกกำลังกาย เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปี 2564 นี้ หลัก ๆ จะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์เส้นบุกขาวเป็นหลัก ควบคู่กับการเตรียมงบประมาณ 2-3% จากยอดขายรวม เพื่อทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นและแคมเปญร่วมกับช่องทางขายต่างๆ ตามด้วยการสร้างคอนเทนต์สื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง

ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลง แต่ธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว

Advertisment

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นกลุ่มเส้นพาสต้าโอ๊ต ไฮไฟเบอร์ ที่มาจากการพัฒนาจากทีมวิจัย ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เน้นรับประทานแบบคีโต ที่มีการวางจำหน่ายหลายช่องทาง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าร้านอาหาร รวมถึงออนไลน์

จากปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลายกลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่มอาหารแปรรูปจากบุก อาทิ เส้นใหญ่บุก, บุกเส้นผสมสาหร่าย เส้นบุกม้วน ฯลฯ, กลุ่มอาหารกระป๋อง สามารถเปิดทานได้ทันที, กลุ่มขนมหวาน อาทิ เยลลี่ผสมบุก กลุ่มเครื่องดื่มรังนก ภายใต้แบรนด์ BOKI, เครื่องดื่มเฉาก๊วย

และกลุ่มพร้อมรับประทาน อาทิ อาหารแปรรูปหม้อไฟ อุ่นร้อนในตัว สินค้าทั้งหมดนี้ต้องการตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพเป็นหลัก นอกจากนี้ จากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย อาจไม่คุ้นชินกับรับประทานอาหารแปรรูปจากกระป๋องมากนัก จึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการนำอาหารแปรรูปมาบรรจุในซองสุญญากาศ

“ในแง่ของกระบวนการผลิต นอกจากโรงงานผลิตบนพื้นที่ประมาณ 46 ไร่ที่จังหวัดปทุมธานี และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 14 ตันต่อวัน บริษัทยังมีไร่สำหรับปลูกต้นบุกที่เป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญ 12 ไร่ ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งได้มีการทำคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งกับกลุ่มเกษตรกรชาวสังขละบุรี เพื่อรับซื้อวัตถุดิบมาใช้ในการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด”

Advertisment

นางธนิสตากล่าวต่อไปว่า นอกจากการทำตลาดในประเทศแล้ว บริษัทยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ประมาณ 8 ประเทศ อาทิ ไต้หวัน จีน แคนาดา อเมริกา ผ่านตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ โดยสินค้าที่ทำรายได้หลัก คือ กลุ่มอาหารแปรรูปจากบุก และมีแผนรุกตลาดอื่นๆ ด้วยการเดินหน้าร่วมเจรจาหาคู่ค้าเพิ่มเติม

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทยังมีเป้าหมายที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตลาดอาหารเพื่อสุขภาพของไทยมีมูลค่าประมาณ 170,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยหนึ่งในตลาดนี้มีสินค้าที่แปรรูปจากบุกรวมอยู่ด้วย แต่ในไทยยังคิดเป็นสัดส่วนที่ยังน้อย เพราะปกติแล้วตลาดบุกส่วนใหญ่จะถูกซื้อขายไปรวมไว้ที่ประเทศจีน และบริษัทในจีนก็จะผสมรวมกันเพื่อทำเป็นผงบุก แล้วค่อยนำมาแปรรูปเป็นสินค้า

ส่วนในไทยปัจจุบันบุกถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ลดไขมันในเลือด เครื่องสำอาง และอาหาร โดยพัฒนาเป็นรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคสายคลีนเป็นหลัก