สธ. จ่อล็อกดาวน์จังหวัดภาคใต้ สกัดโควิด

ปลัด สธ. แย้มอาจล็อกดาวน์จังหวัดภาคใต้ หลังโควิดลามหนัก หวั่นคุมไม่อยู่ ชี้ประชาชนในพื้นที่ต้องตื่นตัว งัดมาตรการ Universal Prevention เข้าสู้ คาด พ.ย.-ธ.ค. แนวโน้มดีขึ้น เหตุระดมฉีดวัคซีนโควิดครอบคลุมประชากรเกิน 70%

วันที่ 7 ตุลาคม 2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มการติดเชื้อใน 4 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีปัจจัยหลักมาจากเชื้อโควิด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เบต้า เดลต้า และอัลฟ่า

ทั้งนี้ หนทางที่จะสกัดโควิดได้ แต่ละพื้นที่ต้องเข้มมาตรการมากขึ้น โดยส่วนของประชาชนจะต้องตื่นตัวป้องกันเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention)

ขณะที่ ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ หรือกระทั่งองค์กรต้องปฏิบัติตามแนวทางโควิดฟรีเซ็ตติ้ง (Covid Free Setting)

อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่เบื้องต้นพบว่า การป้องกันเชื้อแบบครอบจักรวาลยังไม่เข้มข้นมากนัก จึงได้ย้ำความสำคัญไปกับสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)

พร้อมกันนี้ต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไป เพื่อสกัดเชื้อโควิด อาทิ การส่งวัคซีนป้องกันโควิดยี่ห้อไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค รวม 100,000 โดส, ชุดตรวจ ATK และยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ราว 1 ล้านเม็ด หลังจากอัตราการใช้ยายังน้อยเพียง 30% ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูง

อีกทั้ง การฉีดวัคซีนในภาคใต้ยังน้อย เนื่องจากมีเรื่องวัฒนธรรมและความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงพยายามเข้าไปทำความเข้าใจ และให้ผู้นำศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้เรื่องสุขภาพสามารถก้าวผ่านเรื่องสังคมได้

เมื่อถามถึงภาคใต้ควรล็อกดาวน์หรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้นโยบายไว้แล้ว หากมาตรการปัจจุบันไม่เพียงพอ อาจต้องมีการล็อกดาวน์ แต่เชื่อว่าในเดือน พ.ย.-ธ.ค. ภาพรวมการติดเชื้อน่าจะลดลง เนื่องจากมีการระดมฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินกว่า 70% ในทั่วประเทศแล้ว

ทั้งนี้ ตามรายงานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เผยแพร่ผ่าน ศบค. พบว่า ตั้งแต่ 1 เม.ย.-7 ต.ค. 2564 ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม (ไม่รวมเรือนจำ) จำนวน 111,497 ราย โดยวันที่ 7 ต.ค. 2564 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,949 ราย ผู้เสียชีวิต 11 ราย

ขณะที่ ระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. 2564 สงขลามียอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,452 ราย ปัตตานี 2,655 ราย ยะลา 4,447 ราย และนราธิวาส 3,060 ราย