แม็คโคร-โลตัสส์ ปิดดีล 5 หมื่นล้าน ปั้นอีคอมเมิร์ซ เบอร์ 1 เอเชีย

“แม็คโคร” ปิดดีลใหญ่ส่งท้ายปี เดินหน้าเพิ่มทุนสำเร็จ 50,000 ล้านบาท ผสาน “โลตัสส์” ปั้นแชมเปี้ยนค้าส่งค้าปลีก-อีคอมเมิร์ซ ขึ้นเบอร์หนึ่งในเอเชีย พาเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยลุยตลาดโลก

วันที่ 15 ธันวาคม 2564 หลัง บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO หรือ บริษัทฯ) ปิดดีลใหญ่จองซื้อหุ้น PO ส่งท้ายปี กับการเสนอขายหุ้น PO ของ บมจ. สยามแม็คโคร ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF กลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย

โดยสามารถปิดดีลระดมทุนได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะได้เห็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่สู่เป้าหมายการเป็น “แชมเปี้ยนค้าส่งค้าปลีก-อีคอมเมิร์ซ” ขึ้นเบอร์หนึ่งในเอเชีย พร้อมพาเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยลุยตลาดต่างประเทศ

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นของแม็คโครนั้น ขอขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่ได้ให้การสนับสนุน ถึงแม้ว่าระยะเวลาของการเสนอขายจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดี

อย่างไรก็ตาม หุ้นแม็คโครก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัทฯ และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยระดับภูมิภาค

โดยหลังจากนี้ไปบริษัทฯ จะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านดิจิทัล การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศรวมทั้งการปรับรูปแบบและขยายสาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกประเภท ทั้งลูกค้าผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ทีมงานทั้งแม็คโครและโลตัสส์จะร่วมมือกันเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่าง ๆ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”

ด้านนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ระบุว่า จำนวนเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้จะเพียงพอต่อการนำไปดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจและสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสของผู้ประกอบการไทยในห่วงโซ่ธุรกิจของเรา ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังปรับตัวดีขึ้น และแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัว จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามแผนที่วางไว้

โดยการระดมทุนครั้งนี้ มีมูลค่าสูงเฉียด 5 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นดีลใหญ่ระดับต้น ๆ ของไทย โดยเป้าหมายแรกจะใช้เป็นเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ของการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแม็คโครและโลตัสส์ และส่งเสริมกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค

ถัดมาคือการบูรณาการทั้งธุรกิจ B2B (MAKRO) และ B2C (Lotus’s) ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สามารถใช้ศักยภาพจากฐานธุรกิจในประเทศไทย สู่การขยายธุรกิจไปในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้ โดยจุดเด่นของรูปแบบธุรกิจ จะมีจุดแข็งจากแพลตฟอร์มค้าส่งค้าปลีก ที่เมื่อต่อยอดกับธุรกิจออนไลน์ เกิดเป็น O2O (Offline to Online) ที่ส่งมอบประสบการณ์การช้อปแบบ Omni-Channel ซึ่งจะทำให้สามารถเจาะตลาดได้ลึกขึ้น เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น และเป็นผู้เล่นในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเต็มตัว

ขณะที่การเติบโตของตลาดค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาคอาเซียนยังเป็นทิศทางขาขึ้น โดยเมื่อเทียบรายได้จีดีพีต่อจำนวนประชากรในหลายประเทศในอาเซียน พบว่ายังมี “โอกาสในการเติบโต” และขยายฐานธุรกิจนี้ไปได้ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และ สปป.ลาว หากพิจารณาถึงภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่แม็คโครได้รุกขยายธุรกิจในเมืองใหญ่ของประเทศเหล่านี้

และสร้างการเติบโตในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า ก็มีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซของไทยจะเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วเมื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งมีประชากรรวมกันถึง 3,300 ล้านคน ก็จะเห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนว่าวันนี้ตลาดในอาเซียนและเอเชียยังมีพื้นที่ให้เติบโตในลักษณะคล้าย S-Curve

แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดของเอเชีย โดยเฉพาะของสด (Fresh) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Grocery) ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นโอกาสให้บริษัทของไทยเข้าไปขยายธุรกิจและยกระดับเป็นผู้เล่นสำคัญระดับโลกได้

ทั้งนี้ จากการพัฒนา “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อการสร้างการเติบโตของแม็คโคร หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ จะเป็นทั้งโอกาสการลงทุนและโอกาสของผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี และเกษตรกรทั่วประเทศไทย เพราะการรุกกลยุทธ์เป็นผู้นำกลุ่มค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

โดยจะส่งเสริมเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทย ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์เพื่อนำสินค้า ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บุกตลาดต่างประเทศไปด้วยกัน ผ่านการให้บริการแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace) แบบ B2B โดยภาพจิ๊กซอว์ของบริษัทไทยกับการก้าวสู่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ อันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ ถือเป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF รวมถึงผู้จองซื้อรายย่อยสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น PO ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.settrade.com โดยการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นเข้าร่วมลงทุนเพื่อเติบโตไปด้วยกัน