เถ้าแก่น้อยเร่งเครื่องลุยปี’65 นำเครื่องจักรช่วยผลิต-ลดต้นทุน เพิ่มน้ำหนักบุกตลาดจีน หาตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม หวังทำยอดขายพลิกฟื้น
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดเเอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
สำหรับภาพรวมรายได้จากการขายและกำไรสุทธิตาม งบการเงินรวม งวด 3 เดือน และ 12 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยสรุปดังนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายไตรมาส 4 รวม 1,077.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 และมีรายได้จากการขายในปี 2564 รวม 3,610.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.3 จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ทั้งนี้ ไตรมาส 4 มีการปรับตัวของรายได้ที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยหลัก ๆ มาจาการฟื้นตัวของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศได้รับผลดีจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ของโควิด-19 ในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงร้านอาหารที่สามารถเข้ารับประทานในร้านได้
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ มีการปรับกลยุทธ์การขยายตลาดในจีน มีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้ของตลาดในประเทศ ไตรมาส 4 มีรายได้ 377.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.1 จากไตรมาส และมียอดขายรวมในปี 2564 รวม 1,442.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลัก ๆ มาจากการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ “จัสท์ดริ้งค์” เข้ามาเพิ่มในกลุ่มสินค้าบริษัทและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี รวมไปถึงยอดขายในกลุ่มสาหร่ายมีการเติบโตลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากมาตราการล็อกดาวน์ ทำให้ช่องทางหลัก ร้านสะดวกซื้อและห้าง Modern Trade มีอัตราการซื้อลดลง
บริษัทมีกำไรขั้นต้น ปี 2564 รวม 868.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.1 ของรายได้จากการขาย โดยสัดส่วน กำไรขั้นต้นต่อยอดขาย ลดลงร้อยละ 1.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทได้ดำเนินการโครงการรวมโรงงานผลิต โรงงานโรจนะ ซึ่งเป็นโครงการนำเครื่องจักรมาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าดำเนินธุรกิจสาหร่าย ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนการผลิต เพราะเป็นหัวใจสาคัญในการทางธุรกิจ ทั้งการนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิตมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย Go Firm ของบริษัท
สำหรับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนบริษัทยังมุ่งเน้นในการทำให้ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นให้เหมือนก่อนหน้า ซึ่งอาจมองหาพันธมิตรเพิ่ม เพื่อช่วยในการกระตุ้นยอดขาย เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และ CLMV