รัฐการ จูตะเสน แบรนด์ “ฟอร์ด” แข็งแรงขึ้นมาก

คอลัมน์ : สัมภาษณ์

ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จของค่ายรถยนต์ “ฟอร์ด ไทยแลนด์” แม้จะมีระยะเวลาเพียง 6 เดือนเศษ หรือแค่ครึ่งปีหลังในการทำตลาดอย่างจริงจังกับสินค้าใหม่ ในกลุ่ม Ford Next Gen ที่มาครบทุกไลน์อัพ ทั้งรถปิกอัพเรนเจอร์, รถปิกอัพดัดแปลง (พีพีวี) อย่างเอเวอเรสต์ และรถปิกอัพกลุ่มเพอร์ฟอร์มานซ์ อย่างแรพเตอร์ เรียกว่ารถทั้ง 3 รุ่น สร้างยอดขายให้กับฟอร์ดอย่างเป็นกอบเป็นกำ

แถมยังส่งผลเพิ่มความมั่นใจให้กับฟอร์ด และกรรมการผู้จัดการคนใหม่ “รัฐการ จูตะเสน” ที่ประกาศความมั่นใจว่าด้วยอาวุธที่มีและการเดินหน้ารักษาโมเมนตัมของรถในตระกูล Next Gen บวกกับความพยายามสร้างงานบริการหลังบ้าน ควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า จะเป็นแรงหนุนที่ดีที่จะทำให้ “ฟอร์ด” ก้าวไปสู่เป้าหมาย ค่ายรถยนต์ที่มียอดขายติด top 5 ที่ “ลูกค้ามีการบอกต่อ” และ “แบรนด์ฟอร์ดแข็งแรงขึ้น” ได้อย่างไม่ยาก จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

Q : ความท้าทายใน 3-5 ปีจากนี้

ฟอร์ดเราประสบความสำเร็จในการเปิดตัว Next Gen เรนเจอร์ และ เอเวอเรสต์ ดังนั้นใน 3-5 ปี เราต้องทำให้ธุรกิจ “ฟอร์ด ไทยแลนด์” เติบโต การเติบโตจะต้องมาจาก “สินค้า” ที่ดี รักษาโมเมนตัมในการเปิดตัวได้ “แบรนด์” ที่แข็งแกร่ง “ดีลเลอร์” ที่แข็งแรง รวมไปถึงการมองหา “โอกาส” ใหม่เพื่อเข้ามาเติมแต่งทำให้ “ยอดขาย” ของฟอร์ดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และอีกจุดที่เราโฟกัสตั้งแต่เปิดตัว Ford Next Gen คือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ หรือ customer experience ฟอร์ดมีการโฆษณา เพื่อบอกกับลูกค้าในการเปิดตัวว่า เราไม่ได้เปิดตัวด้วย “สินค้า” เพียงอย่างเดียว แต่ฟอร์ดสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ผู้ใช้รถฟอร์ด เมื่อเข้ามาที่ศูนย์บริการ ต้องได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม ได้การบริการที่สะดวก

ดังนั้นปีนี้จะเป็นปีที่ฟอร์ดโน้มน้าว “ดีลเลอร์” ทำเรื่องเหล่านี้ให้ลูกค้าได้เห็น เพราะปีที่แล้วเป็นตัวคิกออฟ ถามว่าทำได้ดีไหม เราเริ่มเห็นโมบายเซอร์วิส จากเดือนละ 100 ขึ้นมาเป็น 1,000-1,500 เพราะฉะนั้น เราต้องการเห็นการเติบโตในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และเข้ามาใช้บริการรถ “ฟอร์ด” แล้ว เกิดความประทับใจ เมื่อลูกค้าประทับใจ อย่างน้อยภาพที่ฟอร์ดจะโฟกัส การสนับสนุนจากลูกค้า ความจงรักภักดี จะเป็นสิ่งที่ฟอร์ดจะโฟกัสมากขึ้น

ส่วนผู้แทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์นั้น ได้มีการทำงานกันอย่างใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่อง อย่างปีที่ผ่านมา หลังเปิดตัวรถประสบความสำเร็จ ธุรกิจมีกำไร ความร่วมมือของดีลเลอร์ที่เดินไปด้วยกันในการปรับปรุงด้านต่าง ๆ การดูแลลูกค้าที่ดี ทั้งการขายและบริการ ทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ผลตอบรับ คือ “ลูกค้ามีการบอกต่อ” และทำให้ “แบรนด์ฟอร์ดแข็งแรง” ขึ้น วันนี้ดีลเลอร์ฟอร์ดมีขวัญ-กำลังใจค่อนข้างดี

Q : เป้าหมายในปีนี้

หลังจากเปิดตัว Next Gen ยอดขายที่ดีลเลอร์ฟอร์ดเพิ่มขึ้นในระดับ 2.5 เท่า จากที่เคยขาย อย่างยอดขายเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ฟอร์ดมีตัวเลขยอดขายอยู่ที่อันดับ 4 ของตลาด จากยอดขายของเรนเจอร์-เอเวอเรสต์รวมกัน ทั้งนี้ฟอร์ดเชื่อมั่นและมั่นใจว่าใน “อันดับนี้” ฟอร์ดจะสามารถรักษาได้ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป ดังนั้นในภาพของการดำเนินธุรกิจ คือ จำนวนของเอาต์เลตและปริมาณการขาย เชื่อว่าทำให้ดีลเลอร์มีกำลังใจแน่นอน

 

Ford Everest

Q : ต้นทุนขึ้น ฟอร์ดจะมีการปรับขึ้นราคาขาย

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์เรนเจอร์-เอเวอเรสต์-แรพเตอร์ไปตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 2565 และอยู่ระหว่างการรอรับรถนั้น ฟอร์ดยืนยันว่ายังได้ราคาจำหน่ายราคาเดิม ส่วนลูกค้าที่จองเข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2566 นั้น จะได้รับราคาใหม่ ซึ่งมีการปรับขึ้นไปเฉลี่ย เรนเจอร์ ปรับขึ้นไปเฉลี่ย 10,000 บาท, เอเวอเรสต์ 20,000 บาท ส่วนแรพเตอร์ 50,000 บาท ปีนี้เชื่อว่า “ราคา” ที่ฟอร์ดปรับแล้ว ยังสามารถแข่งขันได้ในตลาด

Q : มีรุ่นใหม่ ๆ มา

ทุกวันนี้มี Next Gen เรนเจอร์ วิ่งอยู่บนถนนเกือบ 20,000 คัน ส่วนเอเวอเรสต์เกือบ 7,000 คัน ส่วนเรนเจอร์ แรพเตอร์ ปีที่แล้วขายไป 3,500 คัน ประสบความสำเร็จเกินคาด ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะโตเกิน 900,000-920,000 คัน มีปัจจัยบวกหลายปัจจัย ทั้งภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดีขึ้น มีนักท่องเที่ยว 24 ล้านคนในปีนี้, การติดต่อธุรกิจการค้าต่าง ๆ ดีขึ้น, การเลือกตั้ง จะทำให้ดีมานด์การซื้อรถเพิ่มขึ้น การส่งออกมีสูงถึง 71% ของ GDP

ปัจจัยเหล่านี้ถ้าเติบโต เชื่อว่าตลาดยังมีดีมานด์อยู่ บางส่วนน่าจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์โต แต่ความท้าทายในปีนี้ คือ ปัญหาขาดแคลนชิปก็ยังมีอยู่ทั่วโลก แต่ดีมานด์ยังมีอยู่ ภาพรวมเรามองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ “โต” สินค้าที่มีอยู่เรายังเน้น 2 รุ่น คือ เรนเจอร์-เอเวอเรสต์ ซึ่งแน่นอนว่า เราจะมีการแนะนำ เติมความสดใหม่ให้กับทั้ง 2 รุ่นแล้ว เรายังมีอีกตัว คือ “มัสแตง” ที่จะมีทีเด็ดมาสร้างสีสัน


สำหรับปีนี้ทั้งปี ตัวเลขการขายฟอร์ดน่าจะเติบโตขึ้นเกือบ ๆ 30% จากปี 2565 ที่ฟอร์ดมียอดขายรถยนต์ 43,600 คัน โต 34.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยไม่นับแบรนด์จากจีนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วย