เอ็มจีซี-เอเซีย เสริมทัพธุรกิจ “เอ็มโอยู” ปตท.รุกอุตฯยานยนต์ไฟฟ้า

MGC-ASIA เซ็น MOU กับกลุ่ม ปตท. ขยายธุรกิจสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ใช้ศักยภาพด้านขาย-เซอร์วิส นำร่อง พร้อมโชว์ผลงาน 9 เดือนแรก 18,449 ล้านบาทโต 11% เผยไตรมาสสุดท้ายเร่งกวาดตัวเลขเพิ่มรับไฮซีซั่น ทั้งมอเตอร์เอ็กซ์โป รับรู้รายได้จากการขายเรือและซ่อม Tesla ดันรายได้ทั้งปีโตทะลุ 10% ตามเป้า

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีแผนจะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร โดยล่าสุดพร้อมเซ็น MOU กับกลุ่ม ปตท. เพื่อศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง

“รูปแบบจะเหมือนกับที่เราร่วมมือกับ SCB ทำอัลฟ่า เอกซ์ ร่วมลงทุนกันคนละครึ่งทำแบบครบวงจร ซึ่งจะมีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบรนด์ยุโรปและจีน เราก็จะใช้ศักยภาพของเราโดยเฉพาะงานขายและรีไซเคิลแบตเตอรี่”

ดร.สัณหวุฒิกล่าวอีกว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ปีนี้ยอดจดทะเบียนน่าจะทะลุ 6 หมื่นคัน และเชื่อว่าการขยายตัวน่าจะรวดเร็ว ประกอบกับรัฐบาลยังให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท 9 เดือนแรกทำรายได้รวม 18,449 ล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ บริษัทจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงไตรมาส 3/2566

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เนื่องจากการปรับโครงสร้างการเช่าพื้นที่ เพื่อใช้เป็นศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ของบริษัท รวมถึงในปี 2565 บริษัทมีกำไรจากการได้รับสิทธิเป็นผู้บริหารจัดการขบวนรถยนต์ในการประชุม APEC ดังนั้น หากไม่รวมค่าใช้จ่ายและกำไรที่เกิดขึ้นในครั้งเดียวดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 255 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เราเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายน่าจะเติบโตโดดเด่นรับไฮซีซั่น เตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบเรือยอชต์ Azimut มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และจากศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เล็งขยายฟลีตรถเช่ารับภาคท่องเที่ยวฟื้น และจะเข้าร่วมงาน Motor Expo 2023 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงานจำนวนมาก จากความต้องการซื้อหรือเปลี่ยนรถใหม่ในช่วงนี้ รวมถึงการรับรู้รายได้จากรถยนต์ที่รอส่งมอบกว่า 900 คัน มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตกว่า 10% ตามเป้าหมาย”