โตโยต้าปักธง “ไฮบริด-อีโคคาร์” พลิกวิกฤตสู้ตลาดรถยนต์หดตัว

yaris croos

“โตโยต้า” พลิกวิกฤตหลังเผชิญปัญหารอบด้าน “ตลาดหดตัว-EV จีนถล่ม-ผลทดสอบรถไม่สมบูรณ์” กระทบยอดขายหดตัวเกือบ 10% เร่งเครื่องเตรียมส่งเทคโนโลยีไฮบริดแก้เกมพร้อมผนึกดีลเลอร์ทำตลาดแบบเข้มข้น วาดฝันปี 2567 ได้แรงส่งจากรัฐบาลดันตลาดรวมทะลุ 8 แสนคัน ขอโตเพิ่ม 4% กอดแชร์ 34%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา โตโยต้าประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้ามากมาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปีของเทคโนโลยีจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้า หรือ EV ว้าวุ่นกับปัญหาภายใน หลังจากบริษัทในเครือพบข้อบ่งชี้ถึงความไม่สมบูรณ์ของการเตรียมการทดสอบโดยเฉพาะด้านความปลอดภัยจนต้องระงับการขายชั่วคราวสำหรับรถยนต์บางรุ่น และการแสดงผลประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD ขนาด 2.8 ลิตร ที่อยู่ในรถยนต์หลายรุ่นที่ขายในประเทศไทยไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ ตลาดรถยนต์ในประเทศยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อชะลอตัวจากหนี้ครัวเรือนสูง การชะลอซื้อรถยนต์ของภาคธุรกิจเพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการรัฐซึ่งกระทบต่อตลาดรถปิกอัพโดยตรง สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยสูง ดังนั้นปี 2567 จึงถือเป็นอีกปีที่ท้าทายของอุตสาหกรรมรถยนต์รวมถึงโตโยต้าในฐานะผู้นำตลาด

ยอมรับปิกอัพทรุด 30%

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2566 ที่ผ่านมา แม้จะต้องเผชิญปัญหามากมายแต่โตโยต้ายังทำยอดขายได้ถึง 265,949 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หากแต่ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ตลาดที่น่าห่วงคือปิกอัพหดตัวไปเกือบ 30% แต่ของโตโยต้าหดตัวน้อยกว่าตลาดรวม เนื่องจากยังมีโปรดักต์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าเลือกอย่าง ไฮลักซ์ แชมป์ ที่ราคาจับต้องง่ายขึ้น

ส่วนตลาดรถยนต์นั่งเติบโตขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ โตโยต้ายังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ได้ ทั้ง Yaris ATIV รวมถึงรถรุ่นใหม่ Yaris Cross ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้า นอกจากนี้ แบรนด์เลกซัสในประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จ มียอดขายสูงสุดอยู่ที่ 1,012 คัน นับเป็นครั้งแรกที่เลกซัสขายแตะระดับกว่า 1,000 คัน

ลั่นปีนี้ขอโตเพิ่ม 4%

นายศุภกรกล่าวอีกว่า โตโยต้าประเมินตลาดโดยรวมปี 2567 น่าจะทะลุ 8 แสนคัน โตกว่าปีที่แล้วที่ทำได้แค่ 7.7 แสนคัน ซึ่งในส่วนของโตโยต้าน่าจะขายได้ไม่น้อยกว่า 277,000 คัน เพิ่มขึ้น 4% จากตลาดรวม โดยมีส่วนแบ่งตลาดราว ๆ 34%

“เรามั่นใจเพราะมีการทำตลาดร่วมกับดีลเลอร์ และยังได้วางแผนแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ยาริส เอทีฟ ที่ยังคงมีดีมานด์ค่อนข้างสูง รวมถึงโตโยต้า ยาริส ครอส อีกทั้งไฮลักซ์ แชมป์ ก็น่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้า ทำให้รถทั้ง 3 รุ่นเป็นหัวหอกในการทำตลาดให้กับโตโยต้า”

เชื่อเทคโนโลยีไฮบริดสู้ได้

และปีนี้ยังมีแผนจะส่งปรับโฉม ไม่ว่าจะเป็นรถกลุ่ม D-SUV ซึ่งปีก่อนทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นไประดับ 10,000 คัน ถือว่าสูงกว่าระดับปกติ อีกกลุ่มคือ C-SUV แม้ตลาดหลักขับเคลื่อนโดยค่ายรถจีน แต่ก็ยังสู้ได้ ขณะที่ B-SUV มีโตโยต้า ยาริส ครอส เป็นผู้นำในตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โตโยต้าเคยประกาศว่า จะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นพลังงานทางเลือกไฮบริดเข้ามาเสริมตลาด หลังแนะนำ ยาริส ครอส ไฮบริด และปลายปีอาจจะพริอุส ไฮบริด เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม มั่นใจว่าเทคโนโลยีไฮบริดน่าจะเป็นสะพานเพื่อเปลี่ยนผ่านไปยัง EV ซึ่งล่าสุดโตโยต้ายังได้เริ่มทดลองใช้รถพลังงานขับเคลื่อนที่หลากหลาย จากแนวคิด Toyota Multi-Pathway Strategy เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนมุ่งสู่พลังงานสะอาด โดยเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นจากรถไฮลักซ์ ไฮบริด-ไฮโดรเจน และไฮลักซ์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาทดลองเเล้ว

แก้ปมกรณีผลทดสอบ

ส่วนสถานการณ์ที่โตโยต้าต้องเผชิญกับบริษัทในเครืออย่าง ไดฮัทสุ มอเตอร์ ที่พบข้อบ่งชี้ถึงความไม่สมบูรณ์ของการเตรียมการทดสอบด้านความปลอดภัย และความไม่เหมาะสมของการทดสอบของโตโยต้า อินดัสทรีส์ คอร์ปอเรชั่น (TICO) ในการรับรองกำลังแรงม้าของเครื่องยนต์ดีเซล และมีรถยนต์หลายรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย อาทิ เอทีฟ, เวลอซ, รถตู้คอมมิวเตอร์, ไฮเอซ, ปิกอัพไฮลักซ์นั้น

นายศุภกรกล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีเพราะรถรุ่นที่เกิดปัญหานั้นมีจำนวนน้อยแค่ 1% ของยอดขายเท่านั้น และเป็นกลุ่มรถที่จดทะเบียนเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถสาธารณะในมุมของยอดขายถือว่าไม่กระทบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งไม่ได้หยุดคำสั่งซื้อใหม่ แต่ได้พิจารณาระงับการส่งมอบชั่วคราวเฉพาะลูกค้าบางกลุ่ม จนกว่าการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสร็จสิ้น

ขอยืนยันว่าความไม่เหมาะสมในการเตรียมการทดสอบไม่มีผลกระทบต่อค่าแรงม้า แรงบิด หรือค่าประสิทธิภาพอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ รวมถึงไม่มีผลกระทบต่อการปล่อยมลพิษ หรือความปลอดภัยของรถยนต์แต่อย่างใด

“รถกลุ่มนี้จริง ๆ คือรถตู้ที่มีทั้งจดทะเบียนป้ายเหลืองและป้ายธรรมดาซึ่งไม่กระทบ เราอยากให้มองอีกมุมหนึ่งสำหรับผู้บริโภค โตโยต้าจะไม่ซ่อนปัญหา เราจะไม่บิดเบือนความจริง และนี่เป็นนโยบายที่เรายึดถือปฏิบัติมาตลอด เหมือนโตโยต้า เวลอซ ที่หยุดรับจองและส่งมอบไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานเดิมไปเล็กน้อย เนื่องจากเอกสารบางอย่าง แต่คาดว่าจะกลับมาเปิดรับจองได้ในเร็วนี้อย่างแน่นอน

รอแรงส่งรัฐบาล

ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อม ๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด โดยมีปัจจัยรอบด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม อาทิ การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น

การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลในด้านการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย