
ซูซูกิ เผยอยู่ระหว่างเจรจากับพนักงาน หลังประกาศยุติโรงงานผลิตรถยนต์ที่จ. ระยองในปลายปี 2568
วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าบริษัทพร้อมดูแลพนักงาน หลังจากได้ประกาศแผนธุรกิจ ว่าในช่วงปลายปี 2568 จะยุติการผลิตรถยนต์ของโรงงานซูซูกิ ที่ จ.ระยอง ของประเทศไทย ตามแผนธุรกิจของบริษัทแม่นั้น
โดยที่ผ่านมาบริษัทได้แสดงความจริงใจด้วยการประกาศล่วงหน้าก่อนเป็นระยะนานพอสมควร เนื่องจากบริษัทต้องการแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ ส่วนเรื่องของแผนงานการช่วยเหลือต่างๆ เบื้องต้นต้องมากกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่สำหรับการดูแลในส่วนที่มากกว่านั้นบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะพยายามทำให้ดีที่สุด
“ผู้สื่อข่าว” รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากซูซูกิ ประกาศเตรียมยุติการผลิตรถยนต์ที่โรงงาน จ.ระยอง เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา นั้นได้มีการเจรจากับสหภาพแรงงานถึงมาตรการการดูแลพนักงานมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และมีการรายงานว่า ปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการเจรจากันอีกครั้งหนึ่งเพื่อร่วมกันหามาตรการที่เหมาะสมนอกเหนือจากกฎหมายแรงงาน เพิ่อเป็นการช่วยเหลือพนักงานอีกส่วนหนึ่ง
สำหรับสาเหตุที่ ซูซูกิ ต้องตัดสินใจยุติบทบาทของโรงงานผลิตรถยนต์ ในประเทศไทยนั้น มีปัจจัยหลักมาจากขีดความสามารถทางด้านการผลิตโดยเฉพาะการสิ้นสุดลงของโครงการอีโคคาร์ที่รัฐบาลสนับสนุน ทำให้ซูซูกิสูญเสียความสามารถในการผลิตไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประกอบกับสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมยานยนต์ เปลี่ยนไปอีกทั้งยังต้องเผชิญปัญหาขาดทุนสะสมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ซูซูกิยังคงยืนยันที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไปทั้งในส่วนของงานขายและการดูแลบริการหลังการขาย
แม้ว่าบริษัทจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยแล้วหันไปกำหนดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจใหม่โดยจะใช้วิธีนำเข้ารถยนต์จากฐานผลิตที่อินโดนนีเซียเข้ามาจำหน่ายแทน
ปัจจุบัน ซูซูกิ มีโรงงานในอินโดนีเซีย มี 2 โรงงาน มีกำลังผลิต 94,941 คัน จะเพิ่ม 4 ล้านคันในปี 2030 ส่วนอินเดีย 3 โรงงาน กำลังผลิต 1,983,851 คัน จะเพิ่ม 4 ล้านคัน และญี่ปุ่น 3 โรงงาน กำลังผลิตที่ 1,011,257 คันส่วนประเทศไทยเพียงแค่ 10,000 คัน ในปีที่ผ่านมาเท่านั้น