เปิดประวัติ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ผู้นำขวัญใจโลก

(Photo by various sources / AFP)

เปิดประวัติ-เรื่องราว “จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ ผู้นำขวัญใจทั่วโลก กับความนิยมที่เริ่มลดลงในบ้านเกิดตัวเอง 

“จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประกาศว่าเธอจะสละตำแหน่งผู้นำในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยให้เหตุผลว่า เธอไม่มีแรงมากพอจะกลับมาชิงตำแหน่งอีกครั้ง ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

ระหว่างการแถลงข่าวครั้งแรกของปี อาร์เดิร์นเผยว่า วาระผู้นำของเธอจะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เธอคาดว่านายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงานคนใหม่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม กระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคแรงงานอาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น

“ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” อาร์เดิร์นกล่าวและว่า “การเป็นผู้นำประเทศเป็นงานที่ได้รับสิทธิพิเศษมากที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะได้รับ แต่ก็เป็นงานที่ท้าทายที่สุดเช่นกัน คุณไม่สามารถและไม่ควรทำงานนี้จนกว่าจะมีเรี่ยวแรงเต็มที่ และต้องมีแรงสำรองไว้สำหรับความท้าทายที่ไม่ได้วางแผนไว้และคาดไม่ถึง”

5 ปีครึ่งในฐานะนายกฯนิวซีแลนด์ของอาร์เดิร์น

ระหว่างการประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง อาร์เดิร์นพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำ พร้อมสะท้อนให้เห็นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลของเธอเผชิญ ซึ่งรวมถึงโรคระบาดและการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในไครสต์เชิร์ชเมื่อปี 2562 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 51 ราย ในมัสยิด 2 แห่ง

การโจมตีครั้งนั้นนับเป็นช่วงเวลาที่นิยามความเป็นผู้นำของอาร์เดิร์น และความรวดเร็วในการตอบสนองของเธอก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง

หลังจากนั้นเธอยังผลักดันการปฏิรูปกฎหมายปืน รวมถึงยังสวมฮิญาบเพื่อแสดงความเคารพต่อชุมชนมุสลิม และกล่าวต่อสาธารณชนว่า เธอจะไม่เอ่ยชื่อของผู้ก่อเหตุ

“หลังจากผ่านความท้าทายครั้งใหญ่มาเกือบ 6 ปี ฉันก็เป็นมนุษย์ นักการเมืองก็เป็นมนุษย์” เธอกล่าวและว่า “เราให้ทุกอย่างเท่าที่จะให้ได้ ตราบที่เราทำได้ และแล้วก็ถึงเวลา และสำหรับฉัน มันถึงเวลาแล้ว”

อาร์เดิร์นยังเน้นถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นระหว่างดำรงตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยากจนในเด็ก

“ฉันไม่ต้องการให้ช่วงเวลา 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวของความท้าทายเท่านั้น สำหรับฉันแล้ว มันยังเป็นเรื่องของความก้าวหน้าด้วย”

การลาออกของอาร์เดิร์นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

“ไบรซ์ เอ็ดเวิร์ดส์” ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิกตอเรียแห่งเวลลิงตัน กล่าวว่า การลาออกของอาร์เดิร์นนั้น “น่าตกใจ” แต่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด

“เธอโด่งดังไปทั่วโลก แต่รัฐบาลของเธอกลับตกต่ำลงในการเลือกตั้ง”

ทั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปของนิวซีแลนด์จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้

อาร์เดิร์น ซึ่งเป็นอดีต ดีเจ.และอดีตชาวคริสต์นิกายมอร์มอน เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า “นักการเมืองร็อกสตาร์” มากที่สุดในนิวซีแลนด์ เธอดึงดูดผู้คนหมู่มากและครอบครองพื้นที่สื่ออย่างต่อเนื่อง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษในหมู่คนหนุ่มสาว จนได้รับการขนานนามว่า “จาซินดามาเนีย” ในระหว่างการเลือกตั้งครั้งแรก

ความนิยมของเธอแผ่ขยายไปยังต่างประเทศ เธอได้ขึ้นปกนิตยสารดังอย่าง Vogue และ Time แถมยังได้เป็นแขกรับเชิญในรายการทีวีชื่อดังของอเมริกาที่มี “สตีเฟน โคลเบิร์ต” เป็นพิธีกร ซึ่งเขาได้มาถ่ายทำรายการที่บ้านของเธอในเมืองโอ๊คแลนด์ด้วย

แต่ในขณะที่อาร์เดิร์นได้รับการสนับสนุนทั่วโลกสำหรับบทบาทที่สดใหม่และเห็นอกเห็นใจประชาชน ความนิยมของเธอในนิวซีแลนด์กลับลดลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นักวิจารณ์บางคนมองว่า ที่เธอเคยสัญญาไว้เมื่อได้รับการเลือกตั้งครั้งแรก ว่าจะสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลง ท้ายที่สุดเธอทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การสำรวจความคิดเห็นจากหลายสำนักในช่วงปลายปี 2565 แสดงให้เห็นว่า อาร์เดิร์นและพรรคแรงงานของเธอได้รับความนิยมน้อยลง บางสำนักชี้ว่าคะแนนอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เธอเข้ารับตำแหน่งในปี 2560

เอ็ดเวิร์ด นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า หากอาร์เดิร์นตัดสินใจยืนหยัดต่อสู้ อาจทำให้เธอไม่รอดจากผลการเลือกตั้งที่น่าผิดหวัง

“การจากไปตอนนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชื่อเสียงของเธอ เธอจะได้ออกไปพร้อมกับช่วงเวลาที่ดี แทนที่จะแพ้การเลือกตั้ง” เขากล่าวและว่า ยังไม่แน่ชัดว่าใครจะมาแทนที่เธอ แม้ว่าจะมีผู้สมัครหลายคนที่มีศักยภาพ ซึ่งรวมถึง “คริส ฮิปกินส์” รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอาร์เดิร์น และ “คีรี อัลลัน” รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม

แผนการในอนาคตของอาร์เดิร์น

อาร์เดิร์นกล่าวว่า เธอยังไม่มีแผนที่แน่ชัดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะทำต่อไป แต่เธอรอคอยที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้นอีกครั้ง

“พวกเขาคือคนที่เสียสละมากที่สุดในบรรดาพวกเรา” อาร์เดิร์นกล่าว

เมื่อพูดถึงลูกและคู่หมั้น เธอกล่าวว่า “สำหรับนีฟ แม่ตั้งตารอที่จะได้อยู่กับลูก เมื่อลูกเริ่มไปโรงเรียนในปีนี้ และสำหรับคลาร์ก ในที่สุดเราก็จะได้แต่งงานกัน”

อาร์เดิร์น หมั้นหมายกับแฟนหนุ่ม “คลาร์ก เกย์ฟอร์ด” พิธีกรรายการโทรทัศน์ ตั้งแต่ปี 2562

(Photo by MICHAEL BRADLEY / AFP)

อาร์เดิร์นผู้ผลักดันความเสมอภาค-สิทธิสตรี

อาร์เดิร์นได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิก ในระหว่างดำรงตำแหน่ง เธอมักเป็นกระบอกเสียงในเรื่องเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศและสิทธิสตรีอยู่เสมอ

ตัวอย่างเช่น ในการประกาศการตั้งครรภ์เมื่อปี 2561 เธอเน้นย้ำถึงความสามารถของผู้หญิงในการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับความเป็นแม่

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ต้องทำงานหลายอย่าง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ทำงานและมีลูก ฉันรู้ว่านี่เป็นสถานการณ์พิเศษ แต่ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่เคยทำแบบนี้มาก่อนฉัน” เธอกล่าวเรื่องนี้ ในขณะที่เกย์ฟอร์ดรับบทพ่อบ้าน

หลังคลอดลูก เธอและเกย์ฟอร์ดได้พาลูกน้อยวัย 3 เดือนไปที่การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เวลานั้นอาร์เดิร์นให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า เธอต้องการสร้างแนวทางให้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ และช่วยทำให้สถานที่ทำงานเปิดกว้างมากขึ้น

ในการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2564 เธอสะท้อนถึงการก้าวขึ้นสู่อำนาจโดยกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ การเป็นผู้หญิงในแวดวงการเมืองนั้นเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยวมาก”

ผู้นำแห่ยกย่องอาร์เดิร์น

การประกาศลาออกของเธอ กระตุ้นกระแสสนับสนุนเธอบนสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งจากผู้นำทางการเมืองคนอื่น ๆ โดยหลายคนชี้ให้เห็นถึงมรดกที่เธอทิ้งไว้ให้กับสตรีในแวดวงการเมือง

“แอนโทนี อัลบานีส” นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ทวีตข้อความยกย่องอาร์เดิร์นว่า “เธอแสดงให้โลกเห็นถึงวิธีการเป็นผู้นำที่มีสติปัญญาและความเข้มแข็ง” เขายังเผยด้วยว่า “เธอเป็นเพื่อนที่ดีของผม”

ขณะที่ “เพนนี หว่อง” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียทวีตข้อความว่า ขอส่งความปรารถนาดีไปยังอาร์เดิร์น เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันและอีกหลายคน

ด้าน “จัสติน ทรูโด” นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้แชร์ภาพของเขากับอาร์เดิร์นทางทวิตเตอร์ พร้อมขอบคุณเธอสำหรับมิตรภาพ ความเป็นผู้นำที่ใส่ใจ เห็นอกเห็นใจ เข้มแข็ง และมั่นคง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“ความแตกต่างที่คุณได้สร้างขึ้นนั้นมากมายนับไม่ถ้วน” เขากล่าวเสริม

ประวัติ “จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์

“จาซินดา อาร์เดิร์น” เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของนิวซีแลนด์ และเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดของนิวซีแลนด์ นับตั้งแต่ “เอ็ดเวิร์ด สแตฟฟอร์ด” ที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เมื่อปี 2399

อาร์เดิร์นทะยานขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์คนอื่น ๆ เพราะ 3 เดือนก่อนที่เธอจะสาบานตนรับตำแหน่ง เธอยังไม่ได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคการเมืองด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกับ “เฮเลน คลาร์ก” หนึ่งในที่ปรึกษาทางการเมืองของเธอ อาร์เดิร์นเติบโตในแถบชนบทของภูมิภาคไวกาโต ซึ่งแทบจะไม่ใช่ฐานที่มั่นของพรรคแรงงานเลย

วัยเด็กเธอนับถือศาสนาคริสต์นิกายมอร์มอน แต่ออกจากคริสตจักรเมื่อปี 2548

เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไวกาโต ด้วยปริญญาตรี สาขาการสื่อสารการเมืองและการประชาสัมพันธ์

หลังเรียนจบเธอได้เข้าทำงานในฐานะที่ปรึกษาของบริษัท “ฟิล กอฟฟ์ แอนด์ คลาร์ก” ซึ่งเป็นของ “เฮเลน คลาร์ก” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในขณะนั้น ต่อมาจึงเดินทางไปกรุงลอนดอนของอังกฤษ เพื่อเข้าทำงานที่สำนักงานคณะรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการในแผนกธุรกิจและองค์กร และแผนกควบคุมนโยบายในอังกฤษและเวลส์

อาร์เดิร์นเข้าร่วมพรรคแรงงานของนิวซีแลนด์ ขณะมีอายุเพียง 18 ปี และเข้าสู่รัฐสภานิวซีแลนด์ เมื่อปี 2551 ตลอดระยะเวลา 9 ปีในฐานะผู้แทน เธอเป็นผู้ให้การสนับสนุนในเรื่องสิทธิเด็กและสตรี รวมถึงสิทธิของชาวนิวซีแลนด์ทุกคน

แม้จะเป็นนักการเมืองดาวรุ่งของนิวซีแลนด์มานาน แต่เธอเพิ่งจะได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคแรงงาน เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคของเธอกำลังเป็นฝ่ายค้าน

เดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน เธอชนะการเลือกตั้งในเขตเมาท์อัลเบิร์ต และอีก 1 เดือนต่อมา เธอก็ได้นั่งในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคแรงงาน

จากนั้นในวันที่ 1 สิงหาคม หรือไม่ถึง 8 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง เธอจึงได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อจาก “แอนดรูว์ ลิตเติล”

ระหว่างการหาเสียงเพื่อต่อสู้กับ “บิล อิงลิช” อาร์เดิร์นได้สร้างความประทับใจให้กับชาวนิวซีแลนด์ จนทำให้พรรคแรงงานได้รับคะแนนเสียงมากถึง 36.9%

ภายหลังการเจรจาอย่างตึงเครียดนานหลายสัปดาห์ ในที่สุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พรรคนิวซีแลนด์เฟิร์สต์ได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคแรงงาน ปูทางให้อาร์เดิร์นขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 40 ของนิวซีแลนด์