ฝ่ายค้าน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน 8 ปี ประยุทธ์ เชื่อ ไม่ยุบสภา

พรรคฝ่ายค้าน

พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยปม นั่งนายกฯ ครบ 8 ปี  เชื่อ นายกฯ ไม่ยุบสภาตอนนี้  

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี รองประธานวิปฝ่ายค้าน ร่วมยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

เพื่อพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ เมื่อดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หรือไม่

นายชวนกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเข้าชื่อใช้เสียง 1 ใน 10 ของ ส.ส.เข้าชื่อต่อประธานสภา หรือ 48 คน แต่หลังจากนี้ต้องไปตรวจสอบรายชื่อและลายเซ็น ว่าครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่ โดยใช้เวลา 1-2 วัน คาดว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ทันที

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเข้าข่ายครบ 8 ปี มาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ เมื่อดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หรือไม่

ในคำร้องมีการให้เหตุผลและข้อเท็จจริงการดำรงตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมาตลอด นอกจากนี้ ยังอ้างข้อกฎหมายประกอบทั้ง รัฐธรรมนูญมาตรา 264 พูดถึงการสิ้นสุดลงเฉพาะตัวของรัฐมนตรี ประกอบคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวเนื่อง กรณีที่มีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องกันของ 2 รัฐธรรมนูญ รวมถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

“ตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน ระหว่างที่ยื่นคำร้อง เราขอให้ศาลสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในการใช้อำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน” นพ.ชลน่านกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะทำหน้าที่รักษาการหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง จะถือว่าเป็นการสิ้นสุดลงจากคำวินิจฉัยของศาล ต้องพ้นจากตำแหน่ง ณ วันที่ศาลสั่ง และทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

แต่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย รัฐธรรมนูญเขียนให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะรักษาการแทนต่อเนื่องไป รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ สามารถรักษาการในตำแหน่งได้ด้วยเช่นกัน เว้นแต่ 4 กรณีที่นายกฯ ไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการได้คือ 1.เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 2.สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีความซื่อสัตย์สุจริตไม่เป็นที่ประจักษ์ 3.ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง 4.พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 เรื่องซื้อขายงบประมาณกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีส่วนร่วม

“กรณี พล.อ.ประวิตร จะมารักษาการได้ต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนมีคำวินิจฉัย ช่วงนี้เป็นช่วงที่รองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมาย จะทำหน้าที่รักษาการ” นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาการไปเรื่อย ๆ ได้หรือไม่นั้น กรณีที่ไม่เกิดจากการยุบสภา ต้องไปสรรหานายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 และ 159 แต่ก็มีเงื่อนไขที่เลือกไม่ได้ก็จะต้องเลือกไปจนกว่าจะได้นายกฯ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาการอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ เช่น กรณีเสียงไม่พอ หรือ กรณีเปิดช่องให้เลือกนายกฯ นอกบัญชี ถ้ารวบรวมเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ก็เลือกไม่ได้

“ฝ่ายค้านมั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลใช้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมาเป็นองค์ประกอบในการวินิจฉัย เพราะเจตนารมณ์เขียนไว้ชัด อยู่ยาว ผูกขาดอำนาจ เกิดวิกฤตการเมือง 3 เรื่อง ผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญหยิบขึ้นมาดู เมื่ออยู่ยาว เกิดความขัดแย้งและทำให้บ้านเมืองไปไม่ได้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งในข้อเท็จจริงประกอบการวินิจฉัย”

เมื่อถามว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ มีการยุบสภาในวันที่ 22 สิงหาคม จะอยู่ยาวได้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า  การยุบสภาทำก็ทำได้ เพราะอำนาจอยู่ที่นายกฯ แต่ต้องคำนึงว่าฝ่ายบริหารกับฝ่ายสภามีความขัดแย้งกันหรือไม่ แต่ก่อนถึงวันที่ 22 สิงหาคม ฝ่ายสภาไม่มีความผิดใด ๆ ไม่มีข้อขัดแย้งที่ทำให้ฝ่ายบริหารทำไม่ได้ ดังนั้น ถ้าอ้างเหตุนี้คงยาก

ส่วนเหตุผลอื่นคือต้องการรักษาอำนาจอยู่ยาว ถ้ายุบสภาวันนั้นจริง 1.ไม่มีกฎหมายใช้ในการเลือกตั้ง เพราะกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง อยู่ระหว่างประธานรัฐสภาส่งไปยัง กกต. และยังต้องใช้สภาพิจารณากฎหมายฉบับนี้อยู่ ถ้าไม่มีสภา กฎหมายก็ค้าง พิจารณาต่อไม่ได้

“ถ้าไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง เกิดสุญญากาศ อยู่ยาวไปเสริมแรงต้านของประชาชน จะเกิดกระแสเรียกร้องต่อต้านเยอะ วิกฤตการเมืองตามมา เชื่อว่าคงไม่ทำ ภาวนาด้วยว่าอย่าให้ทำ”