แพทองธาร เพื่อไทยชนะเป็นรัฐบาล “เปิดรับฟังความคิดเห็นมากกว่าประยุทธ์”

แพทองธาร ชินวัตร
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ขยับสถานะจากลูกสาวคนเล็กของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การเมืองตามรอยเท้าผู้เป็นพ่อ นั่ง 2 ตำแหน่ง “พิเศษ” ของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีบัญญัติไว้ในกฎหมายพรรคการเมือง

หนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย สอง ประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และในวันข้างหน้าอาจมีตำแหน่งที่สามคือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ “แพทองธาร” ถึงการตัดสินใจในเรื่องการเมือง-เศรษฐกิจ หากเธอมีอำนาจในมือ

เปิดตัวเมื่อวันเลือกตั้งชัด

“แพทองธาร” ตอบคำถามแรกที่ถามว่า พรรคเพื่อไทยทำไมไม่ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯ รออะไรอยู่ และอุ๊งอิ๊งรออะไรอยู่ถึงยังไม่เปิดตัวว่า

“ประกาศช้าก็ตื่นเต้นดีไหมคะ ค่อย ๆ เดากันไป ว่าตกลงจะเป็นใคร และจะมีใครเพิ่มเติมไหม จริง ๆ พรรคมีโอกาสได้คิดเพิ่มว่าจะส่งใครเหมาะสมที่สุด การเมืองคาดเดาไม่ได้ในหลาย ๆ อย่าง ทั้งที่เราน่าจะคาดเดาได้บ้าง อิ๊งเห็นด้วยกับพรรคที่ยังไม่เปิดชื่อตอนนี้ เพราะถึงเวลาอาจมีคนที่ดีมากแซงทางโค้งมาเลยหรือเปล่าก็ได้”

ส่วนชื่อนักธุรกิจคนดัง ที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจะเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ นั้น แพทองธารขอไม่ตอบ

“อิ๊งพูดชื่อตัวอิ๊งเอง เพราะคนอื่นไม่ทราบจริง ๆ แน่นอนชื่ออิ๊งมีความเป็นไปได้ (แคนดิเดตนายกฯ) อยู่แล้ว แต่ถามว่าเป็นไปได้ไหมถ้าไม่มีชื่ออิ๊ง ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน”

มีเหตุอะไรที่ไม่มีชื่ออุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ เธอตอบว่า “ทำงานไปสักพัก แล้วคนในพรรคเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วล่ะ คนนี้น่าจะทำงานไม่เป็น แต่คิดว่าไม่เป็นไร เพราะถึงจุดไหนก็ตาม อิ๊งก็อยากอยู่ในพรรคเพื่อไทย ที่จะช่วยผลักดันอะไรต่าง ๆ ในพรรค ไม่จำเป็นจะต้องเป็นตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุด”

“ไม่จำเป็นต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทุกวันที่อิ๊งทำอยู่ ก็ทำเต็มที่ แต่ต้องดูสถานการณ์ของประเทศ ด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป 30 กันยายน (ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ก็สนุกอีกเรื่องหนึ่ง”

แล้ว “อุ๊งอิ๊ง” คิดอย่างไรกับประเด็นนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ เธอบอกว่า “ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอย่างไรก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว แต่ความคิดคนไทยน่าจะคล้าย ๆ กัน ส่วนใหญ่ว่าท่าน (พล.อ.ประยุทธ์) อยู่ครบ 8 ปีแล้ว ก็น่าจะเรียกนายกฯ มา 8 ปีแล้วเหมือนกัน ถ้าอันนั้นใช่ มันก็คือ 8 ปี”

แต่คำถามที่ทำให้แพทองธารตอบยาก นิ่งคิดไปนานคือ ถ้าได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ คิดว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร

“เรารับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากกว่าลุงค่ะ เรื่องอื่นให้คนอื่นบอกดีไหม ไม่อย่างนั้นเป็นการนั่งชมตัวเองเกินไป แต่อิ๊งคิดว่าอิ๊งเปิดรับฟัง และคิดว่ามนุษย์ทุกคนมีข้อดี ข้อเสีย ไม่ต่างกัน ดังนั้น การรับฟัง การยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกันของกันและกันมันคือสังคมประชาธิปไตย คิดว่าอิ๊งมีตรงนี้มากกว่า”

ถ้าให้มองอย่างมนุษย์คนหนึ่ง ลุงมีข้อดีอะไรบ้าง แพทองธารเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “เอิ่ม….รักครอบครัว (นิ่งคิด) อิ๊งไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เห็นท่านนายกฯ เขาโหดขึ้นมาก็น่ากลัว โยนของใส่ เราแค่ไม่ถนัดจะคุยด้วย ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว”

ยกเครื่องเกษตร-ท่องเที่ยว

แพทองธารตั้งเป้าว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจะแก้ปัญหาเรื่องการเกษตรเป็นอันดับแรก เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ

“อันดับแรกคือเรื่องเกษตรทั้งหมดแน่นอน เพราะเป็น 40% ของประเทศ แต่จีดีพีแค่ 8% คือน้อยมากสำหรับสัดส่วนที่เกิดขึ้น ทำไม เกิดอะไรขึ้น ดังนั้น เกษตรกรจึงไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ การเกษตรเป็นรากฐานใหญ่ แต่ถ้าเกษตรกรมีเงินมากขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เงินมันก็ flow ในระบบ พอเงิน flow ในระบบ รัฐบาลก็สามารถเก็บภาษีในส่วนต่าง ๆ ได้ จึงเริ่มเป็นรากฐานของภาพทั้งประเทศ”

เรื่องที่สอง อยากจะทำให้ประเทศไทยเป็นอิสรเสรีในด้าน free zone มากขึ้น เพราะมีกฎหมายต่าง ๆ ที่ block ศักยภาพ หรือมีเงื่อนไขเยอะในการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น free zone และให้ต่างชาติมาลงทุนกับเราได้มันน้อยเกินไป จึงอยากนำมาเปลี่ยนแปลง

อิ๊งทำธุรกิจโรงแรม อยากจะผลักเรื่องนี้ให้เต็มที่เรามีประเทศที่สวยงามอยู่แล้ว แต่อยากทำให้มากขึ้นไปอีก ไม่เอาแค่ความสวยงามแบบ sun sand sea แล้ว อยากให้มี human made เหมือนสิงคโปร์ เกาหลีไม่ต้องอาศัยธรรมชาติอย่างเดียว ถ้าวันหนึ่งเจอภัยธรรมชาติก็จะจบ

และพรรคเพื่อไทยได้ตระเวนคุยกับองค์กรต่าง ๆ อยากรู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันแน่ ถ้าทำอันนี้ได้ เงินที่เข้าประเทศจะมีเยอะมาก ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และสิ่งที่เป็น man made

อยากให้จับมือกันทั้งในรัฐบาลและเอกชน อย่างภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจ ต้องใช้เอกชนด้วยในการที่มาถกเถียง ใช้สมอง ระดมสมองร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ รัฐไม่สามารถทำฝ่ายเดียวได้ ต้องอาศัยทุกคนในประเทศ

ส่วนนโยบายอื่น ๆ “แพทองธาร” ยังไม่ขอตอบ โดยให้เหตุผลว่า “ค่อย ๆ เปิดนโยบาย ขอให้ไปติดตาม เปิดหมดแล้วเดี๋ยวโดนลอกหมด”

บริหารชัยชนะ อยู่ 4 ปี

ในประวัติศาสตร์ พรรคการเมืองในร่มเงาทักษิณ ชินวัตร ทั้ง ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ถึงพรรคเพื่อไทย แม้ชนะเลือกตั้งแต่จบลงด้วยการถูกยุบพรรค-รัฐประหาร “แพทองธาร” เชื่อว่าจะบริหารชัยชนะอย่างไร หากเป็นรัฐบาล

“ตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปเยอะ อิ๊งรู้สึกจริง ๆ ว่าประชาชนอยากเห็นประเทศไปต่อ ไม่อยากเห็นเกมการเมืองแล้วค่ะ อิ๊งว่ามันเก่าไปแล้ว เขาคงอยากเห็นแล้วว่ารัฐบาลไหนที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ให้ปัญหาปากท้องเขาถูกแก้จริง ๆ”

“สำหรับอิ๊งมันเริ่มไม่จำเป็นในการที่จะต้องมีเกมการเมืองมากมายขนาดนี้ มันควรจะมี 4 ปี ขึ้นมาเป็นรัฐบาล คุณทำอะไรให้ประเทศได้บ้าง แล้วทำให้มันจบ พอจบเลือกตั้งใหม่ ถ้าประชาชนเห็นว่ามันดีก็เลือกต่อ นั่นคือ fair game คนเราต้องยอมรับและอยู่ในกฎกติกาให้ได้ ประเทศถึงไปต่อได้”

“ประเทศอื่นเขามีรัฐบาลครบกัน 4 ปีเป็นไปตามกฎกติกา เรานั่นแหละคนที่แปลกที่ทำให้มันจบเกมตามกติกาไม่ได้”

“ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องทำ เราจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะเป็นรัฐบาลที่แก้ปัญหาได้จริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นเอาใครมาแก้ปัญหา แล้วแก้ปัญหาไม่จบ ไม่จบรัฐบาลก็ไม่มั่นคง ดังนั้น นโยบายที่เราเสนอ เรามั่นใจแล้วว่าทำได้”

“แต่แน่นอนทุกอย่างเริ่มคิกออฟออกไปเพื่อที่จะแก้ แต่ทุกอย่างแก้ไม่เสร็จภายในปีแรก ถ้าปัญหามันยาวนานขนาดนี้ มันต้องใช้เวลา ใช้รัฐบาลที่เข้มแข็งพอ แข็งแรงพอที่อยู่จนจบ และแก้ปัญหาส่วนมากของประเทศได้ และเลือกตั้งต่อไปอีก 4 ปี จะเป็นอย่างไร มันเป็นภาพใหญ่ที่จะต้องแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ประชาชนต้องร่วมมือ เลือกรัฐบาลที่ตนเองไว้ใจ และให้เวลาในการแก้ไขปัญหา”

ตอนปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.มากที่สุด แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ถ้าชนะเลือกตั้งแล้วไม่ได้เป็นรัฐบาลอีกเตรียมแผนไว้อย่างไร “แพทองธาร” ตอบสวนทันที “ไม่ได้ค่ะ เราต้องแลนด์สไลด์ไงคะ”

“นี่คือสิ่งที่หาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เราไม่ได้บอกว่าเราหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อที่เราจะไปบอกคนอื่นว่าเราแลนด์สไลด์..ไม่ค่ะ เราต้องการแก้ปัญหาให้ประเทศ ประเทศต้องไปต่อได้แล้ว ไม่ใช่มาชนะกะปริดกะปรอย 250 ส.ว.ก็ชนะได้ ทำให้เกิดความไม่เสถียร”

“เราเห็นภาพกันแบบนี้ แต่อิ๊งได้เดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ไปเจอกับคุณพ่อ คุณพ่อเขายังเจอนักธุรกิจ นักการเมืองของแต่ละประเทศอยู่เรื่อย ๆ อิ๊ง ก็มีโอกาสได้คุยกับเขา อย่างดูไบ ทุกคนอยากไปลงทุนมาก อิ๊งคิดจริง ๆ ว่าทำไมประเทศเราจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ โอเค..เราฝันให้ไกลไว้ก่อน แต่เราก็ต้องอัพตัวเองให้ได้ ให้มีความมั่นคงเกิดขึ้น ให้ต่างชาติเขามาลงทุนมากกว่านี้”

“ถ้าการเมืองปีสองปีล้ม มันก็ไม่มีใครมั่นใจว่ามาลงทุนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ประเทศของเราต้องทำให้ตัวน่าเชื่อถือ ไม่อย่างนั้นคนอื่นก็ไม่เข้ามา มันเบสิก”

พร้อมจับมือทุกพรรค

ในอดีต พรรคไทยรักไทยเคยชนะ 377 เสียง แต่ปัจจุบันคนในพรรคเพื่อไทยแตกไปอยู่พรรคตรงกันข้ามบ้าง ทำอย่างไรให้กลับมาเป็นปึกแผ่น เธอตอบว่า ถ้าทุกคนมองจุดมุ่งหมายเดียวกัน ว่าสิ่งที่สำคัญคือประชาชน นโยบายของเรา

พรรคที่จะมารวมกันเป็นพรรคประชาธิปไตยอยู่แล้ว ต้องมีอุดมการณ์เดียวกันในการแก้ปัญหา ถ้ามองตอนนี้ยังไม่เห็นภาพ ยังไกลจากการเลือกตั้ง และยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามาในระหว่างนี้

ถามว่านึกถึงพรรคก้าวไกลอยู่ไหม “แพทองธาร” กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงพรรคอะไรเลยแฮะ ตอบตามหลัก เราเปิดรับถ้าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ดูในรายละเอียดมากกว่า เพราะยังมีข้อตกลงกันอีกเยอะว่าจะยังไงต่อ

แล้วพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน พรรคไหนเป็นประชาธิปไตยบ้าง แพทองธาร ตอบว่า “ไม่ทราบเลย ตอบไม่ได้ มันยังไม่ถึงเวลา ยังเร็วเกินไปมาก ต้องรอสนามเลือกตั้งอีกครั้งว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอบตอนนี้มันเร็วไป และจะเป็นประเด็นเกินไป มันเป็นประเด็นพูดถึงมากเกินไป ไม่พร้อมตอบ”