เปิดตัว วิชัย ช่างเหล็ก คนขับรถคู่ใจ “ทักษิณ” ในตำนานคดีซุกหุ้น รอวันนายกลับบ้าน

ภาพจากหนังสือ “THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought”

“วิชัย ช่างเหล็ก” อดีตคนขับรถ  ในตำนานชีวิตของ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นอีกหนึ่งคนที่ปรากฏเป็นบทให้สัมภาษณ์ในหนังสือ “THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought” 

วิชัย หรือ ลุงป๊อก คือชายที่ “ทักษิณ” ไว้ใจให้เป็นสารถีประจำตัว ได้รับความไว้วางใจให้อยู่หลังพวงมาลัยอย่างยาวนาน

อยู่ทุกช่วงชีวิตตั้งแต่ทำธุรกิจโรงหนัง จนกลายมาเป็นเจ้าพ่อโทรคมนาคม มีอำนาจล้นฟ้าในฐานะเป็นผู้นำประเทศ  นายกรัฐมนตรีคนที่ 23

แต่เหนือสิ่งอื่นใด “ลุงป๊อก” เป็นมากกว่าสารถี เพราะเขาเป็นผู้ถือหุ้นในหลายบริษัทที่ตระกูลชินวัตรเป็นเจ้าของ

และเป็น ตัวละครในคดี “ซุกหุ้น” ตั้งแต่ภาค 1 ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2544

ในข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวหา “ทักษิณ” เป็นผู้ถูกร้อง และคู่สมรสคือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

ลุงป๊อกปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นในหลายบริษัท อาทิ

ถือ 346,500 หุ้น ในบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)

ถือ 24,988,986 หุ้น ในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จํากัด

และในคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ ๒๐/๒๕๔๔ ระบุตอนหนึ่งว่า พยานหลักฐานจากเอกสารประกอบคำร้องของผู้ร้อง (ป.ป.ช.) ในชั้นคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ปรากฏตามคำให้การบางตอนของบุคคลที่มีชื่อถือหุ้นแทนผู้ถูกร้อง (ทักษิณและคู่สมรส) ซึ่งให้การต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ เมื่อวันที่ 27 และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2543 และวันที่ 6 ธันวาคม 2543 ดังนี้

นายวิชัย ช่างเหล็ก ให้การว่า “…เมื่อข้าฯ เข้ามาทำงานเป็นคนขับรถที่บริษัท ชินวัตรนั้น คุณหญิงพจมานฯ ได้เรียกข้าฯ ไปพบ… และบอกกับข้าฯ ว่า จะขอใช้ชื่อข้าฯ ถือหุ้นแทน คุณหญิงพจมานฯ ตามบริษัทต่างๆ ข้าฯ ได้ตอบตกลง โดยข้าฯ ไม่ทราบเหตุผล… และต่อมาเลขานุการคุณหญิงพจมานฯ ชื่อคุณแจง ชื่อจริงนางกาญจนาภาฯ ก็ได้นำเอกสารต่างๆ มาให้ ข้าฯ ลงลายมือชื่อ…”

แต่ที่สุดแล้ว ศาลฯ ให้ “ทักษิณ” พ้นผิด ด้วยเสียง 8 ต่อ 7 ไม่มีความผิดเรื่องการซุกหุ้นตามรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่อำนาจการเมืองอย่างเป็นทางการ ไร้มลทิน

“ลุงป๊อก” เล่าถึงการเข้ามาทำงานกับ “ทักษิณ” ว่า สมัยก่อนผมเป็นเด็กล้างรถครับ อยู่ที่ปั้มน้ํามัน ซึ่งเป็นปั้มเดียวกันกับที่ท่านชอบเอารถมาล้างพอดี เลยได้เจอกันบ่อย ซึ่งท่านคงรู้สึกว่าผมน่าใช้มั้งครับ คล้ายถูกชะตา วันหนึ่งท่านเลยเอ่ยถามผมว่า ไปอยู่ด้วยกันไหม ผมตอบกลับไปแบบ ไม่ต้องคิดเลยว่า ไปครับ (หัวเราะ) เพราะผมรู้สึกว่าท่านใจดี แต่ตอนแรก ท่านให้มาอยู่โรงหนังที่ราชวัตรของท่านก่อนนะครับ ผมมาทํางานเดินตั๋วและดูแลส่วนต่างๆ ทั่วไป

พอได้ร่วมงานกับคุณทักษิณแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง? ลุงป๊อก ตอบว่า “โห ดีกว่าที่คาดอีกครับ ท่านไว้วางใจให้ผมดูแลหลายอย่างมาก ผมเองรับงานมาก็เรียนรู้และทําเต็มที่เสมอ เพราะถือว่าท่านเชื่อใจแล้วเราก็ควรทําให้ดี ที่สุด ผมเลยทํางานให้ท่านมาเรื่อยๆ จนจากเด็กโรงหนัง ไปๆ มาๆ ยังไงไม่รู้เหมือนกัน วันหนึ่งผมก็ได้มาขับรถให้ท่านนั่งและได้ทําหน้าที่นั้นมาโดยตลอด เป็นงานที่ภูมิใจมากครับที่ท่านไว้ใจเรา”

“ในแต่ละวันผมจะรู้นัดล่วงหน้าก่อนครับ โดยท่านจะเป็นคนนัดผมเอง เช่น “พรุ่งนี้ออก 7 โมงนะ มาได้ไหม” ผมก็จะมาประมาณ 6 โมงครึ่งเพื่อมาเช็กสภาพรถก่อน เตรียมรถให้พร้อมออกเมื่อท่านมาถึง เพราะท่านเป็นคนตรงเวลามาก”

เขาเล่าว่า เวลา “ทักษิณ” อยู่ในรถ “ส่วนใหญ่ท่านจะหลับครับ เพราะท่านเป็นคนทำงานหนักมาตลอด ยิ่งช่วงทำงานการเมืองก็ยิ่งหนักขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะช่วงเป็นนายกฯ หรือช่วงหาเสียง เรียกได้ว่าไปไหนไปกัน กลับดึกมากๆ เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 เป็นประจำ ส่งผลให้ท่านเป็นคนพักผ่อนง่าย หลับบนรถบ่อย อย่างถ้าได้สักครึ่งชั่วโมงระหว่างไปที่ใหม่ ตื่นขึ้นมาท่านจะสดใสเลย สู้ต่อได้”

แล้วถ้าไม่หลับ “ทักษิณ” จะคุยอะไรกับลุงป๊อก?

“ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องนัดหมายที่ต่อไป เพราะท่านจะเป็นคนคำนวณเวลาเดินทางเสมอ ละเอียดขนาดว่าต้องไปถึงจุดแรกกี่โมง ใช้เวลาเดินทางไปจุดที่สองกี่นาที น่าจะถึงจุดที่สองกี่โมง อะไรพวกนี้ ท่านจะบอกตลอด”

“ส่วนการคุยเรื่องอื่นๆ ท่านเป็นคนไม่ถือตัวเลยครับ ถามประจำว่ากินข้าวหรือยัง ลูกเป็นไงบ้าง ครอบครัวเป็นไงบ้าง มีความสุขไหม คุยกันสบายๆ และแสดงความเป็นห่วงด้านอื่นในชีวิตเราเสมอ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ผม ทุกคนที่ทำงานด้วยท่านเป็นห่วงทุกคน มีอะไรท่านก็ให้ ไม่ต้องไปขออะไรเพิ่ม ท่านคือเจ้านายที่ดีที่สุด”

แต่แล้วเมื่อ “ทักษิณ” ทำงานการเมือง มีข่าวต่างๆ ทั้งดี – ไม่ดี ในความรู้สึกของ “ลุงป๊อก” รู้สึกอย่างไร

“ผมคิดแค่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น นั่นคือเรื่องของท่านครับ ดังนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการขับรถซึ่งเป็นหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ส่วนในแง่ของเจ้านาย-ลูกน้อง ถ้าเจ้านายเหนื่อย ผมก็พร้อมเหนื่อยด้วย ถ้าเจ้านายหัวเราะ ผมก็ยิ้ม ผมคิดแค่นั้นจริงๆ”

เหตุการณ์ที่ทำให้ประทับใจ? เยอะมากเลยครับ ยิ่งด้วยความที่ท่านเป็นคนที่เรียบง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีชี้นิ้ว ทุกวันเลยเป็นเหมือนความประทับใจ ท่านเป็นคนกินอะไรง่ายๆ หลายครั้งที่ท่านเอ่ยปากว่า “ไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกัน” ผมจะประทับใจ กับอะไรแบบนี้

เมื่อถามว่า จําวันท้ายๆ ที่ได้ขับรถให้คุณทักษิณ นั่งได้ไหม?

ลุงป๊อกตอบทันที “จําไม่ได้ครับ ไม่อยากจํา”

หลังจากไม่ได้ร่วมงานกัน คุณเป็นอย่างไรบ้าง?

ลุงป๊อก กล่าวว่า “ก็คนเราอะเนอะ ถึงจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็อยู่ใกล้ชิดกัน ผูกพันกัน เคารพกัน พอเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น ยอมรับว่าผมทําใจไม่ได้เลย ต้องไปพักผ่อน หนีไป ทําใจอยู่นาน ใช้เวลาเป็นหลักเดือนครับ กว่าจะค่อยๆ กลับมา”

ลุงป๊อกยังติดตามข่าวสารของผู้ที่เป็น “นาย” เสมอ

“ผมติดตามข่าวท่านเท่าๆ กับคนปกติ ไม่ได้ถึงขนาดโทรหาหรือติดต่ออะไรกัน แต่เวลาเห็นท่านในข่าวผมก็จะคิดถึงนะ อย่างลูกหลานก็ชอบเอาที่ท่านไลฟ์มาให้ดู เห็นแล้วผมก็คิดถึง เพราะจากคนที่อยู่ในรถด้วยกัน เช้ามาเจอกันทุกวัน แต่ตอนนี้อยู่คนละประเทศแล้ว ใจแป้วเหมือนกันครับ”

มีอะไรอยากบอกคุณทักษิณ?

“ผมอยากขอบคุณ (ตอบทันที) ขอบคุณ ที่ท่านดูแลผมมา ขอบคุณที่ท่านคิดถึง และถ้าท่านกลับมาเมืองไทย ผมจะไปกราบเท้าท่านนะ ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่ได้เจอท่าน”

ถ้าคุณทักษิณกลับมาไทยแล้วอยากให้ คุณไปขับรถให้อีก… ลุงป๊อกตอบว่า ไปสิครับ จะรออะไรล่ะ! (ยิ้มกว้าง)