ธนาธร โพสต์ขอโทษ 3 อนุฯ กกต. หลังกล่าวหาเร่งรัดคดียุบอนาคตใหม่

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ ขอโทษ 3 อนุฯ กกต. หลังกล่าวหาเร่งรัด-ตัดตอน ชงสำนวนยุบอนาคตใหม่ หลังได้รู้ความจริง

วันที่ 27 ธันวาคม 2565 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขอโทษเจ้าหน้าที่ กกต. ว่า หลังจากที่ผมได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. รวม 14 คน เป็นคดีอาญา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562

โดยมีมูลเหตุมาจากการที่ผมเห็นว่าการที่ กกต.ดำเนินคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่ผมให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน มีกระบวนการสืบสวนสอบสวนภายในที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งผมและพรรคอนาคตใหม่ มาโดยตลอด

โดยผมได้ยื่นฟ้องคุณเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อน, คุณนิยต ดำรงประภักดิ์ และคุณสุชาติ เพชรอาวุธ เจ้าหน้าที่ กกต. ไปด้วย และต่อมาทั้ง 3 ท่านได้ใช้สิทธิฟ้องผมต่อศาลอาญา โดยกล่าวหาว่าที่ผมฟ้องทั้ง 3 ท่าน เป็นความเท็จ โดยบอกว่าทั้ง 3 ท่านไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหตุตามที่ผมได้ฟ้องไป

ต่อมาผมเพิ่งได้ทราบกระบวนการสืบสวนสอบสวนภายใน หลังจากที่ได้สืบพยานในชั้นศาล ว่าทั้ง 3 ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 13 โดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และไม่เคยเสนอให้มีการยื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่

โดยทั้ง 3 ท่าน มีมติว่า พรรคอนาคตใหม่สามารถกู้ยืมเงินได้ และไม่ควรยุบพรรคอนาคตใหม่ อีกทั้งยังทราบว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาได้ส่งเรื่องให้ทั้ง 3 ท่านนี้ พิจารณาเพื่อให้แก้ไขมติเดิม 2-3 ครั้ง แต่ทั้ง 3 ท่านยังคงยืนกรานตามความเห็นเดิม ซึ่งผมไม่ทราบข้อเท็จจริงมาก่อนจึงได้ฟ้องทั้ง 3 ท่าน รวมไปด้วย

ผมจึงเห็นว่าทั้ง 3 ท่าน มีเจตนาดี ให้ความเป็นธรรมต่อพรรคอนาคตใหม่และผมมาโดยตลอด ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ ในการกล่าวขอโทษต่อทั้ง 3 ท่าน และขอชี้แจงให้สาธารณะได้ทราบว่าทั้ง 3 ท่าน ไม่มีส่วนกับกระบวนการในการยุบพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายธนาธร ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อน ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค., นายนิยต ดำรงประภักดิ์, นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน

พ.ต.ต.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต., นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์, พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา, พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย, นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต., นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ, นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้ง 7 เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86 กรณีทำสำนวนคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี ต่อศาล ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อมา วันที่ 2 เมษายน 2563 ศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 14 คน

โดยศาลให้เหตุผลการยกฟ้องว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร อดีตหัวหน้าพรรค และพรรค อนค. เกี่ยวกับเงินกู้ยืม เป็นการแต่งตั้งไปตามอำนาจหน้าที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560, ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน การวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยได้ทำความเห็นเสนอ กกต.พิจารณาตามอำนาจหน้าที่

โดยการพิจารณาเรื่องที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค อนค. โจทก์ที่ 2 เริ่มวันที่ 26 พ.ย. 62 ที่จำเลยที่ 8-14 มีมติในที่ประชุมว่าเพื่อให้การดำเนินการต่อกรณีที่กล่าวหาว่ามีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

โดยในส่วนของอำนาจหน้าที่ กกต.จำเลยที่ 8-14 กรณีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่มีการยื่นคำร้องยุบพรรค โจทก์ที่ 2 ว่า ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน รัฐสภา, คณะรัฐมนตรี, ศาล, องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 211 การกระทำของจำเลยทั้ง 14 คน จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ธนาธร