ครม. รับทราบ ผลสรุปมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ช่วยลูกหนี้ 1.8 แสนราย

อนุชา บูรพชัยศรี-ทีมโฆษกรัฐบาล-resize
เครดิตภาพ: thaigov

ครม. รับทราบรายงานสรุป มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ 1.88 แสนราย วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท หลังกระทรวงการคลังกับแบงก์ชาติจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ตั้งแต่ 26 ก.ย.2565-31 ม.ค.2566 เผยประยุทธ์กำชับ ให้ขับเคลื่อนการทำงานตามมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนต่อไป 

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย

โดยกระทรวงการคลังได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ในรูปแบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ทั้งสิ้น 188,739 ราย

คิดเป็นจำนวนรายการสะสม 413,780 รายการ และการจัดงานรูปแบบสัญจรทั้งในกรุงเทพมหานครและ 4 ภูมิภาค รวม 5 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา มีประชาชนและผู้ประกอบการขอรับบริการภายในงานจำนวน 33,859 รายการ จำนวนเงินประมาณ 23,286 ล้านบาท

โดยมีการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิมให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง การสร้างรายได้ผ่านการสร้างอาชีพหรืออาชีพเสริม รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนด้วยการส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอและมั่นคง พร้อมสร้างความตระหนักรู้การบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกต้องด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธปท. มีแนวทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม โดยมีมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยมีระยะเวลาดำเนินมาตรการถึงสิ้นปี 2566 การจัดช่องทางเสริมเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง

ได้แก่ 1.ทางด่วนแก้หนี้ ซึ่งเป็นช่องทางออนไลน์สำหรับประชาชนที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ 2.หมอหนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นช่องทางให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครบวงจร และ 3.คลินิกแก้หนี้ ที่เป็นช่องทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน

นอกจากนี้ ธปท.จะเผยแพร่เอกสารทิศทาง (Directional Paper) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เพื่อสื่อสารแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน รวมทั้งช่วยให้ทุกภาคส่วนเห็นทิศทางการดำเนินงานในระยะต่อไปและสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้นด้วย


“นายกรัฐมนตรียังได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ขับเคลื่อนการทำงานตามมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนต่อไป เพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อนการแก้ไขและโครงสร้างหนี้สินของประชาชนและผู้ประกอบการไทยเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติม รวมทั้งพิจารณาแนวทางการสร้างรายได้เพิ่มเติมและการสร้างความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเกิดผลอย่างยั่งยืน บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายอนุชา กล่าว