แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สายล่อฟ้า เพื่อไทยตั้งรับเกมยุบพรรค

แจกเงิน

นโยบายหาเสียงแจก “เงินดิจิทัล” 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ระยะเวลาการใช้ 6 เดือน ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร ใช้งบประมาณโดยรวม 550,000 ล้านบาท เรียกทั้งดอกไม้ และก้อนหิน ก้อนอิฐ

แม้ว่าบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่านโยบายดังกล่าวปังและดัง สามารถเรียกคะแนนโหวตเตอร์ เข็นพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ได้ แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงการถูกเป็นเป้าโจมตีทางการเมือง

โดยเฉพาะนักร้องอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้วินิจฉัยนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าเข้าข่ายสัญญาจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ และหลอกลวงจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (1) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 หรือไม่

เพราะไม่บอกความจริงทั้งหมดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ประชาชนอาจได้รับจริงเพียง 8,500 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หรือ 1,500 บาทหรือไม่

เป็นการเพิ่มอีกหนึ่งคดีให้พรรคเพื่อไทย ต้องแก้ต่างในช่วงเลือกตั้ง เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 “สนธิญา สวัสดี” อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ก็ร้อง กกต.ยุบพรรคเพื่อไทย จากกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทยทั้งที่ถูกตัดสิทธิการเมือง

ขณะเดียวกัน “สนธิญา” ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจนโยบายของพรรคเพื่อไทยเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 10 เมษายน เนื่องจากเมื่อธันวาคม ปี’65 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาและการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้พูดว่าจะถมทะเลจากสมุทรปราการถึงสมุทรสาคร ความยาว 105 กิโลเมตร ได้มีการศึกษาเรื่องงบประมาณ ได้สอบถามชาวบ้านที่ชุมชนชายทะเลหรือไม่ พรรคการเมืองจะต้องทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) (3) หรือไม่

ย้อนกลับไปอีก วันที่ 27 ธันวาคม 2565 “สนธิญา” ได้ร้อง กกต. กรณี น.ส.แพทองธาร เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ในฐานความผิด ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

ซึ่งขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 45

ทั้งนี้ จากข้อมูลจาก กกต. กรณีคดียุบพรรคล่าสุด เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมพบว่า พรรคการเมืองที่ถูกยื่นเรื่องร้องยุบพรรคมากที่สุด คือพรรคเพื่อไทย 33 เรื่อง ยุติเรื่องแล้ว 27 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณา 6 เรื่อง

โดยเคสของนายณัฐวุฒิ ซึ่งเป็นผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บินพบนายทักษิณที่ฮ่องกงรวมอยู่ในนั้น

พรรคเพื่อไทยจึงตั้งรับเกมยุบพรรคทุกนาที “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรามีคณะทำงานเฝ้ามองเฝ้าดูโดยฝ่ายกฎหมายเป็นหลัก คอยติดตามว่ามีการกระทำแบบนี้มากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้ ถือเป็นนโยบายของเราทุกฝ่าย ต้องมีจุดหมายร่วมกันว่า พรรคเราสุ่มเสี่ยงที่จะถูกกลั่นแกล้งยุบพรรค และทีมเฝ้าระวังก็คอยแก้ไข เช่น มีคนไปร้องเราก็ไปดูว่าเข้าเงื่อนไขอย่างไร

ทุกนโยบายหลายแสนล้านจึงจัดทีมกฎหมายประกบดูทุกขั้นทุกตอน ไม่ให้ขัดกฎหมาย-ขัดรัฐธรรมนูญ

โดยมี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรค ประธานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ดูแลอย่างเข้มงวด ร่วมกับ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รองเลขาธิการพรรค คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จัดทำคำชี้แจงรายละเอียดจะถึงมือ กกต.อีกไม่นานนี้