ก้าวไกล ในสมการเพื่อไทย อุ๊งอิ๊ง และ เศรษฐา

โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยงัดกลยุทธ์เกือบสุดท้าย เอามาเรียกคะแนนโซเชียลมีเดีย

เข็น “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ เสี่ยนิด “เศรษฐา ทวีสิน” 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ ตั้งใจใช้ 2 แพลตฟอร์ม เยาวรุ่น อย่าง TikTok และ Instagram Live

หัวข้อ “หมดเปลือกเพื่อไทย” โดยมี “คนกันเอง” อย่าง “คชาภา ตันเจริญ” หรือ “มดดำ” เป็นผู้ดำเนินรายการ ลูกชาย “สุชาติ ตันเจริญ” ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 8 ผู้คุมโซนเลือกตั้งภาคตะวันออก ปักหมุดเคลียร์จุดยืนการเมืองที่ “คลุมเครือ” ผ่านปาก 2 แคนดิเดตนายกฯ

2 นายกฯ ตอบคำถามที่ว่า อีก 6 วัน ถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศจะตัดสินใจเลือก วันนี้ยังมีคนถามเรื่องการจับมือกับ 3 ป. จึงอยากขอถามถึงความชัดเจนอีกครั้ง เพราะมีการผลิตวาทกรรมปั่นกระแสในโซเชียลจำนวนมาก

“เศรษฐา” ใช้สิทธิตอบก่อน เราบอกไปแล้วว่า เรายึดโยงกับประชาชน ไม่เอารัฐประหาร เข้าใจว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน แต่พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการอยู่ในวงจรวาทกรรมเหล่านี้ เรามีนโยบายที่ดีหลาย ๆ นโยบาย ทั้งนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ และเราพิสูจน์มาตลอดว่าเราทำเป็น เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนโยบายของเราอย่างเต็มที่

“แพทองธาร” กล่าวเสริมว่า เราไม่จับมือกับฝ่ายเผด็จการแน่ แต่การจะจับมือกับพรรคใดนั้นเป็นเรื่องในอนาคตหลังการเลือกตั้ง เราต้องดูก่อนว่าผลออกมาอย่างไร แต่เรามีเกณฑ์ของเรา ว่าต้องเห็นด้วยกับนโยบายของเรา และนายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น คนที่จะมาจับมือกับเราจะรับได้หรือไม่ สำหรับเรื่องการผลิตวาทกรรม คิดว่า ไม่ว่าเราจะตอบชัดแค่ไหน แต่คนก็ยังพูดเรื่องเดิมอยู่

“ก็แปลว่า สิ่งที่เราพูดไปไม่ใช่คำตอบที่เขามุ่งหวังแล้ว แต่อาจจะเป็นปฏิกิริยาอื่น ๆ ที่เขามองหา อย่างที่นางแบกพูดว่าเราควรจะเลิกตอบคำถามนี้แล้ว อิ๊งเห็นด้วย ช่วงแรกที่ไม่ตอบ เพราะเห็นว่าไม่ได้เป็นกระแสมาก

แต่เมื่อเป็นแบบนี้เราเลยชัดเจนว่าไม่จับ และมีเกณฑ์ของเราขึ้นมาว่า ถ้าจะร่วม เราจะร่วมกับใคร ตอนนี้เรารอผลการเลือกตั้งอย่างเดียวแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะมีข่าวลืออะไร เราก็จะยืนยันคำตอบนี้”

กับคำถามที่ว่า สมการ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” เป็นไปได้หรือไม่ “แพทองธาร” ตอบว่า เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เราไม่ได้มีปัญหากัน เราเป็นพรรคฝ่ายค้าน ทำงานมาด้วยกัน แต่สุดท้ายต้องรอเสียงของประชาชนก่อน มันคือข้อเท็จจริง ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ ต้องดูว่าเรายังได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขของเรา พรรคอื่นรับได้หรือไม่

“เศรษฐา” จึงกล่าวเสริมว่า โดยเฉพาะเรื่องจะแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 ก็ยังกำกวม ดังนั้น เรื่องนี้ต้องมาคุยกัน แน่นอนว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านด้วยกันมา ตนไม่ติดอะไร

แล้วจุดยืนในมาตรา 112 ของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร “แพทองธาร” กล่าวว่า…

“ไม่ยกเลิก ยืนยันตรงนี้ ถ้าจะแก้ต้องไปคุยกันในสภา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทันทีที่เราเป็นรัฐบาล เราจะขอความเมตตาจากศาล เพราะยังมีน้อง ๆ ที่ติดคุกอยู่ ว่าจะทำอะไรอย่างไรต่อได้บ้าง มองว่าเรื่องนี้ถูกดึงมาเป็นเกมการเมือง ซึ่งเราไม่สนับสนุน บ้านเมืองเรามีพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครอง แต่ต้องไม่เอากฎหมายนี้มาเป็นเกมการเมือง”

สลับมาที่ “เศรษฐา” พูดว่า “ต้องดูเรื่องการให้ประกันตัว เพื่อให้น้อง ๆ ออกมาต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายสิทธิเสรีภาพเท่าเทียม ต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัย นำเรื่องนี้มาถกกันในสภา ภายใต้กรอบกฎหมายอย่างสุภาพ ไม่ก้าวร้าว”

ส่วนความชัดเจน ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนงงว่าใครจะเป็นนายกฯ

“แพทองธาร” ตอบว่า ทุกคนพร้อมเป็น เราผ่านการรัฐประหารมามาก ดังนั้น จะเสนอชื่อนายกฯ คนเดียวไม่ได้ เราสามคนคุยกันตลอดว่าใครได้เป็นนายกฯ ต้องช่วยกัน ไม่มีใครหายไป เพราะเราต้องซ่อมประเทศครั้งใหญ่ คนอื่นอาจแย่งกันเป็น แต่อิ๊งค์เชื่อในตัวคุณเศรษฐา เราให้เกียรติกัน ไม่ได้มาแย่งกัน

ด้านนายเศรษฐากล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเราตกเป็นเป้า แต่ถือเป็นความสบายใจของประชาชนว่าถ้าเลือกเพื่อไทยเรามีแคนดิเดตนายกฯ ให้สามคน หากเกิดแอ็กซิเดนต์ก็ยังมีแคนดิเดตนายกฯ อีกสองคน ไม่ว่ากรรมการบริหารพรรคจะเลือกใคร ทุกคนพร้อมซัพพอร์ตกัน

สุดท้าย 2 แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ตอบคำถามว่า ทำไมคนต้องเลือกพรรคเพื่อไทย “เศรษฐา” กล่าวว่า เพราะเรามีนโยบายดี ๆ จากในอดีต เป็นนโยบายใหญ่ ทำได้จริง รวมทั้งมีนโยบายใหม่ ๆ เช่น เป๋าตังดิจิทัล เติมเงินครอบครัวละ 2 หมื่นบาท ถือเป็นการดูแล รวมถึงการให้สิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ทั้งการเกณฑ์ทหาร สมรสเท่าเทียม เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนมีความสุข

“แพทองธาร” กล่าวว่า เลือกพรรคเพื่อไทยไม่ต้องรอ เลือกเพื่อไทยประเทศเปลี่ยนทันที เราเคยแก้ปัญหามาแล้ว นโยบายเรากินได้ เราเพิ่มโอกาสให้คนทั้งประเทศ เรารู้และทำเป็น