
พรรครวมไทยสร้างชาติทำท่าจะแหกโค้งช่วง 100 เมตรสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง เมื่อผู้สมัคร ส.ส.เขต ภาคอีสานกว่า 50 เขต ออกมา “ทวงเงิน” หลังจากไม่ได้รับเงินสนับสนุนในการหาเสียงเลือกตั้งจนต้องเป็นหนี้เป็นสิน ค้างค่าแรง รถแห่-ป้ายหาเสียง
เมื่อ “ผู้บริหารพรรค” รับปากแล้วยัง “เบี้ยว” ผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ หลายจังหวัด-หลายเขต จึงต้องหยุดเดินหาเสียง เพื่อหยุดเลือดไหล
กลายเป็นคำถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ “ถังแตก” หรือ “ตัดท่อ” ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีแนวโน้มว่าจะ “สอบตก” ที่สำคัญ เครื่องหมายคำถามตัวโต คือ “พรรคลุงตู่” จะได้เก้าอี้ ส.ส. ถึง 25 ที่นั่งหรือไม่
หากดูข้อมูลการบริจาคเงินแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ลงเว็บไซต์ประจำเดือน 2 เดือนล่าสุด ดังนี้
เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 20 ล้านบาท ผู้บริจาคประกอบด้วย ประกอบด้วย บริษัท ศรีชลธร จำกัด 5 ล้านบาท บริษัท ชิล ทอล์ค จำกัด 5 ล้านบาท บริษัท พีไฟว์ทีวี แอนด์ โปรดักชั่น จำกัด 2 ล้านบาท บริษัท พีไฟว์ โลจิสติกส์ จำกัด 1 ล้านบาท บริษัท พรปิยะ เน็ตเวิร์ค จำกัด 1 ล้านบาท บริษัท ยู ช้อปปิ้ง ออนไลน์ จำกัด 1 ล้านบาท บริษัท เมดิคอล คอนเนคท์ จำกัด 1.5 ล้านบาท บริษัท กะรน โนวิที่ จำกัด 2 ล้านบาท บริษัท แอทเท็นชัน จำกัด 1.5 ล้านบาท
เดือนมกราคม 2566 จำนวน 26 ล้านบาท ผู้บริจาคประกอบด้วย นายพรเทพ บูรณกุลไพโรจน์ 1 ล้านบาท นายพิรัตน์ ศีลประชาวงศ์ 6 แสนบาท นายพงษ์กฤษณ์ โอถาวร 5 แสนบาท น.ส.รัตน์ภัทรา พรรัตนพิทักษ์ 4 แสนบาท นายสิทธิพล ปราจีนบูรวรรณ 3 แสนบาท น.ส.สุทธาพัฒน์ อมรเรืองตระกูล 5 ล้านบาท นางบังอร เบ็ญจาธิกุล 1 ล้านบาท นางอัมพร กรอบทอง 1 ล้านบาท นายประพันธ์ กรอบทอง 1.5 ล้านบาท หสม.เขาใหญ่พาราไดซ์ออนเอิรท (สนญ.) 5 แสนบาท
ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง 5 ล้านบาท น.ส.ณัฐวรรณ สาสิงห์ 1 ล้านบาท น.ส.เสาวณี อนุกูล 5 ล้านบาท นายดีเตอร์ ชาญชิดชิงชัย 5 แสนบาท นายธนภูมิ เกียรติสงคราม 499,500 บาท นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ 2 แสนบาท นายสุชิน สำราญสุข 5,000 บาท บริษัท เอ็นเอส อินเตอร์ลอร์ จำกัด 1 ล้านบาท บริษัท สยาม มือทอง จำกัด 1 ล้านบาท
หากเทียบกับพรรคการเมืองใหญ่อื่นที่ได้รับเงินบริจาคเงินในช่วง 2 เดือนเดียวกัน
เดือนกุมภาพันธ์ 2566
- พรรคเพื่อไทย จำนวน 3 ล้านบาท
- พรรคภูมิใจไทย จำนวน 4,870,000 บาท
- พรรคประชาธิปัตย์ 487,000 บาท
- พรรคก้าวไกล จำนวน 12,843,623 บาท แบ่งออกเป็น เงิน 12,699,623 บาท ประโยชน์อื่นใด 144,000 บาท
- พรรคเสรีรวมไทย จำนวน 10.1 ล้านบาท
- พรรคชาติพัฒนากล้า จำนวน 1.3 ล้านบาท
- พรรคประชาชาติ จำนวน 200,000 บาท
เดือนมกราคม 2566
- พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 527,000 บาท
- พรรคเพื่อไทย จำนวน 12 ล้านบาท
- พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวน 9.8 ล้านบาท
- พรรคชาติพัฒนากล้า จำนวน 1.7 ล้านบาท
- พรรคภูมิใจไทย จำนวน 1,970,000 บาท
- พรรคประชาชาติ จำนวน 830,000 บาท
- พรรคก้าวไกล จำนวน 571,919 บาท แบ่งออกเป็น เงิน 331,919 บาท ประโยชน์อื่นใด 240,000 บาท
ขณะที่พรรคพลังประรัฐ รายงานการเงินของพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินการไปในรอบปีที่ผ่านมา สำหรับรายได้และค่าใช้จ่าย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 รายได้ ประกอบด้วย
– รายได้ค่าบำรุงพรรคการเมือง
ปี 2565 จำนวน 2,986,500.00 บาท
ปี 2564 จำนวน 4,654,700.00 บาท
– รายได้จากการอุดหนุนกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง
ปี 2565 จำนวน 5,706,040.41 บาท
ปี 2564 จำนวน 3,934,336.92 บาท
– รายได้จากการรับบริจาค
ปี 2565 จำนวน 50,000,000.00 บาท
ปี 2564 จำนวน 15,844,913.60 บาท
– รายได้จากดอกเบี้ยรับ
ปี 2565 จำนวน 76,216.57 บาท
ปี 2564 จำนวน 129,185.23 บาท
– รวมรายได้
ปี 2565 จำนวน 58,768,756.98 บาท
ปี 2564 จำนวน 24,563,135.75 บาท
ทั้งนี้ ในวันที่ 30 มกราคม 2566 พรรคพลังประชารัฐได้จัดกิจกรรมระดมทุน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและพรรคพลังประชารัฐได้แจ้งวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวต่อ กกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรรคพลังประชารัฐได้รับเงินจากการจัดกิจกรรมระดมทุน จำนวน 222.14 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมระดมทุน จำนวน 5.90 ล้านบาท