ลุ้นนายกฯคนใหม่ เปิดตัวเอเปค ปรับดุลอำนาจใหม่บนเวทีโลก

เวทีโลก

หากไม่มีอะไรมาขวาง 14 ล้านเสียง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะเถลิงบัลลังก์นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 แห่งประเทศไทย และหากไม่มีอะไรบิดเบี้ยวต้นเดือนสิงหาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาลจะได้ “ประมุขตึกไทยคู่ฟ้าคนใหม่”

วาระการเดินทางไปต่างประเทศของ “พิธา” จะ “แกรนด์โอเพนนิ่ง” บนเวทีระดับโลก อย่าง การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ค.ศ. 2023 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566

ภายใต้ธีม Creating a Resilient and Sustainable Future for All-สร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสำหรับทุกคน ต่อเนื่องในเดือนธันวาคม-หลังการประชุมเอเปค จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน

หลังจากนั้นกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศของ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30” หลังการประชุมเอเปค-อาเซียนซัมมิต คือ การปักหมุดภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อ “แนะนำตัว” กับ “ประเทศเพื่อนบ้าน” ตั้งแต่ปี’67 ทยอยให้ครบ 10 ประเทศอาเซียน

เนื่องจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในฐานะ “ประธานอาเซียน” จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน 2 ครั้งต่อปี ครั้งแรก คือ เมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

Advertisment

หาก “ครั้งที่สอง” จัดขึ้นปีเดียวกัน กำหนดการ “แนะนำตัว” จะเดินทางไปสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็น “ประเทศแรก” เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน พร้อมกับ “แนะนำตัว” ไปในคราวเดียวกันในช่วงปลายปี 2566-หลังจากกลับจากเอเปค

กำหนดการเดินทางไปต่างประเทศของรัฐบาลใหม่-พิธา จะเป็นการกลับหลังหันทางการทูต 360 องศา บนเวทีโลก โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิมนุษยชน-เสรีภาพแห่งความขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ-เข้ารูปเข้ารอยกับระเบียบโลก

ยกตัวอย่าง จุดยืนสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน การรัฐประหารในเมียนมา รวมถึงการศูนย์ถ่วงมหาอำนาจระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยที่ผ่านมารัฐบาลไทยภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สงวนท่าทีมาโดยตลอด

สำหรับกำหนดการวาระการประชุมระดับโลกเป็นประจำ เช่น การประชุม World Economic Forum (WEF) ในช่วงต้นปี สมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly-UNGA) เดือนกันยายนของทุกปี นอกจากนี้ยังมีโอกาสประชุมเวทีภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในฐานะ “แขกพิเศษ” อาทิ G20

Advertisment

ขณะที่นโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกล ภายใต้ “3Rs” ประกอบด้วย revive (ฟื้นฟู) ความเป็นผู้นำของไทยในอาเซียน และการช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงในเมียนมา โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

rebalance (ปรับสมดุล) จุดยืนของประเทศไทยต่อการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจให้ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป และ recalibrate (ปรับมาตรฐาน) ความเป็นผู้นำและความกระตือรือร้นของการต่างประเทศไทยในเวทีระดับโลก

ยกระดับการเป็นผู้นำการเจรจาภายในกลุ่มประเทศอาเซียน และเป็นตัวแทนอาเซียนไปเจรจานอกกลุ่มอาเซียน ช่วยเหลือวิกฤตในเมียนมาเพื่อลดยอดผู้เสียชีวิต ผู้อพยพพลัดถิ่น-ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ส่งทีมงานรักษาสันติภาพและหน่วยช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

เป็นพันธมิตรทางด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกาและตั้งเป้าในการเพิ่มทรัพยากรสำหรับการฝึกร่วมคอบร้า โกลด์ ที่จัดขึ้นในไทย รวมไปถึงการร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) สร้างความร่วมมือกับจีนเพื่อเป้าหมายที่จะสร้างเอเชียที่สงบสุข และมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ยังมีนโยบายต่างประเทศเพื่อคนไทย เช่น การเข้าถึงแหล่งแม่ปุ๋ยในประเทศใหม่ ๆ จัดหาแม่ปุ๋ยมาให้เกษตรกรในราคาแข่งขันได้ เปิดตลาดสินค้าเกษตร และลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อให้สามารถส่งออกยังประเทศนั้นได้โดยตรง

จัดตั้งสำนักงานผู้แทนการค้าไทยเป็นส่วนราชการเทียบเท่ากรมขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับประเทศที่ไม่ใช่คู่เจรจาเดิม เจรจาเพื่อขอยกเว้นวีซ่าเพิ่มอีกอย่างน้อย 40 ประเทศ

การพูดคุยระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางและขอความร่วมมือในการปราบปรามผู้ก่อมลพิษตามแนวชายแดน การมีศาลสิทธิมนุษยชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เร่งลงนามสัตยาบันกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

การขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกแบบรวมกลุ่ม ในพื้นที่ติดต่อหรือใกล้เคียงพรมแดนระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวชายแดน

สนับสนุนงบประมาณผ่านสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) โดยการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปรับปรุงหรือบำรุงรักษาโครงสร้างถนนที่นำไปสู่แหล่งโบราณคดี พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรในการร่วมอนุรักษ์โบราณสถานเป้าหมายในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกแบบรวมกลุ่ม

ทำโครงการ Thailand Exchange and Teaching (TET) Program โดยรับอาสาสมัครชาวต่างชาติซึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีมาเป็นครูผู้ช่วยสอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนระดับท้องถิ่น โดยอาสาสมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับค่าตอบแทน โดยมีระยะเวลาในการร่วมโครงการ 1-3 ปี เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนกับครูต่างชาติที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เร่งฉีดวัคซีน ทั้งวัคซีนโควิด และวัคซีนป้องกันโรคอื่นให้กับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ตามชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน