
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ลงมือเซ็นคำสั่ง ถึง “รองนายกฯ” ทั้ง 6 คน ให้กำกับและติดตามผ่านคำสั่งนายกฯ ที่ 254/2566
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคให้ 6 รองนายกฯ ช่วยกันดูแล แบ่งคลัสเตอร์กันลงตัว ทุกพรรค ทุกฝ่าย ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ
เพื่อการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคตามคำสั่งนี้ ซึ่งเป็นการ การตรวจราชการ การขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรายงานเหตุการณ์และผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล
ภูมิธรรม คุมหัวใจเพื่อไทย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองนายกฯ โดดเด่นที่สุด เพราะถูกมอบให้กำกับ “ภารกิจพิเศษ” เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
และการปฏิบัติราชการใน 3 เขต เขตที่ 1.เขตตรวจราชการที่ 2 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และจังหวัดสมุทรปราการ
พื้นที่ปริมณฑล กลายเป็น “เขตสีส้ม” มีพรรคก้าวไกล แลนด์สไลด์ทั้ง นนทบุรี สมุทรปราการ ส่วนปทุมธานี ได้เกือบยกจังหวัด เหลือ 1 เขตที่ สส.เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ขณะที่ นครปฐม พรรคก้าวไกล ต้องแชร์พื้นที่กับบ้านใหญ่ สะสมทรัพย์ ที่ได้มา 3 เขต ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา และรวมไทยสร้างชาติอีก 1 เขต
2.เขตตรวจราชการที่ 10 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดบึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี
โดยพื้นที่อีสานเหนือ เป็นพื้นที่การเมืองที่เกือบจะอยู่ในความครอบครองของพรรคเพื่อไทย มีพรรคภูมิใจไทย และไทยสร้างไทยสอดแทรก เว้น บึงกาฬ ที่มีอยู่ 3 เขต เป็นของพรรคภูมิใจไทย 2 เขต และเพื่อไทย 1 เขต หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยได้ยกจังหวัด เช่นเดียวกับ หนองคาย ขณะที่ เลย มี 4 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้ 3 เขต ภูมิใจไทยแทรกมา 1 เขต ส่วนอุดรธานี เมืองหลวงของคนเสื้อแดง มี 10 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ได้มา 7 เก้าอี้ ไทยสร้างไทย ได้ 2 เก้าอี้ และก้าวไกล ได้ 1 เก้าอี้
3.เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี
ทั้ง 4 จังหวัดอาจกล่าวได้ว่าเป็นพื้นที่ทางการเมืองของ เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่ในเพื่อไทย แต่ระยะหลังถูกกระชับวงล้อมจากคู่แข่งทุกทิศทาง โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย จึงต้องตรึงกำลังให้แน่น
สมศักดิ์ คุมเหนือตอนล่าง
ด้าน สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นักการเมืองที่มีแต่พันธมิตร ไม่มีศัตรูการเมือง ได้คุมคลัสเตอร์พื้นที่การเมืองในอีสาน และภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่การเมืองของตัวเอง แบ่งเป็น
1.เขตตรวจราชการที่ 12 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด
พื้นที่การเมืองเพื่อไทย แต่ก็ไม่ใช่พื้นที่ที่ผูกขาด เพราะถูกเจาะโดยพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย ไทยสร้างไทย รวมถึง ขอนแก่น เช่น กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เมืองใหญ่ 10 เขตเลือกตั้ง แต่ถูกเจาะโดยพรรคก้าวไกล ที่ได้เก้าอี้มา 3 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง มหาสารคาม 6 เขตเลือกตั้ง แต่ถูกพรรคภูมิใจไทย เจาะได้ 1 ที่นั่ง ส่วนร้อยเอ็ด 8 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ได้แค่ 5 ที่นั่ง ต้องเสียให้กับ พรรคชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทย
2.เขตตรวจราชการที่ 17 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์
กลุ่มนี้เหนือตอนล่าง โดยเฉพาะสุโขทัย เป็นพื้นที่เมืองหลวงทางการเมืองของ “สมศักดิ์”
3.เขตตรวจราชการที่ 18 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี
กลุ่มเหนือตอนล่าง กลางตอนบน แต่ไม่ใช่ปัญหาของมนุษย์การเมือง ชื่อ “สมศักดิ์” ไม่ใช่ของถนัดของพรรคเพื่อไทย มีพื้นที่ของหลายพรรคการเมือง ทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย
ปานปรีย์ คุมโซนเศรษฐกิจ
ขณะที่ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” รองนายกฯคนที่ 3 และ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะ “มือขวา” นายกฯด้านเศรษฐกิจ เขาจึงได้รับมอบหมายให้กำกับ โซนจังหวัดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย Quick Win โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว
1.เขตตรวจราชการที่ 6 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และจังหวัดสตูล
รัฐบาลเศรษฐา ให้ความสำคัญกับโซนฝั่งอันดามันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภูเก็ต และพังงา วางแผนสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ใช้ชื่อว่า สนามบินนานาชาติอันดามัน
2.เขตตรวจราชการที่ 8 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และจังหวัดระยอง จังหวัดที่เป็นหมุดหมายในการลงทุน โดยมีอภิโปรเจ็กต์ EEC ที่ต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อน
3.เขตตรวจราชการที่ 15 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และจังหวัดลำพูน
เป็นอีกกลุ่มจังหวัดที่ รัฐบาลเศรษฐา ปั้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว quick win รวมถึงพยายามปั้นเมืองรองอย่าง แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เป็นเมืองแฝดกับเชียงใหม่
อนุทิน คุมพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
แม่ทัพภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 4 (สร.5) และ รมว.มหาดไทย ถูกมอบให้ดู พื้นที่การเมืองในอีสานใต้ และภาคใต้โซนอ่าวไทย
1.เขตตรวจราชการที่ 5 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา
หลังพรรคประชาธิปัตย์แตก ทำให้พื้นที่ภาคใต้ตกเป็นเป้าหมายของหลายพรรคการเมือง หนึ่งในพรรคที่ทะลวงพื้นที่ภาคใต้ คว้าเก้าอี้ได้สำเร็จคือ ภูมิใจไทย
2.เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์
เป็นพื้นที่โซนเมืองหลวงของพรรคภูมิใจไทย คือ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ และยังได้เข้าไปกำกับดูแลจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่การเมืองที่พรรคเพื่อไทย ชิงเก้าอี้ สส.ได้มากที่สุด
3.เขตตรวจราชการที่ 16 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย น่าน พะเยา และจังหวัดแพร่
เป็นโซนที่มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรฯ แห่งพรรคพลังประชารัฐ คุมพื้นที่ แต่งานนี้ “อนุทิน” ถูกส่งไปกำกับดูแล บาลานซ์อำนาจ
พล.ต.อ.พัชรวาท คุมพื้นที่ภาคกลาง
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากโควตาพรรคพลังประชารัฐ ถูกมอบหมายให้กำกับพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งไม่มีพรรคไหนเป็นเจ้าถิ่นระดับภาค เพราะมีหลายพรรคได้ สส. ทั้งพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ และพรรคก้าวไกล
ส่วนชายแดนใต้ เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลาย มีพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมถึงพรรคประชาชาติ เข้ามาแชร์ส่วนแบ่ง สส.ในเขตนี้
1.เขตตรวจราชการที่ 1 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
2.เขตตรวจราชการที่ 3 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี
3.เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดยะลา
พีระพันธุ์ คุมพื้นที่หลากหลาย
คนสุดท้าย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ถูกแบ่งให้กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ในเขตภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และอีสานตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่การเมืองที่อ่อนไหว แข่งขันกันสูง ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย
1.เขตตรวจราชการที่ 4 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร
2.เขตตรวจราชการที่ 9 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว
3.เขตตรวจราชการที่ 11 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม มุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร
การแบ่งเค้กกำกับคลัสเตอร์ โดยไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบในพื้นที่การเมือง