เปิดประวัติ พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ คอนเน็กชั่นแน่น ลาออกจากกองทัพ

พลเอก นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ลาออกจากกองทัพ

พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ อดีตนายทหารคนสนิทนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์-ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำกระทรวงกลาโหม เออร์ลี่รีไทร์ จากราชการ ล่าสุดเป็นบอร์ดไทยคม แจ้งบัญชีทรัพย์สิน รวม 316 ล้าน

พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ มีข่าวการลาออกจากราชการครั้งแรก เมื่อเดือนมิถุนาย 2562 แต่ก็ไม่ปรากฏใบลาออก และยังคงปรากฏตัวเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้ง 2566 และอยู่ยั้งยืนยงในตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล จวบจนวันทำงานสุดท้ายของนายกรัฐมนตรี คนที่ 29

ข่าวการลาออกครั้งที่สอง หลังฤดูเลือกตั้ง 2566 เมื่อเดือนกันยายน 2566 เป็นการขอลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ หรือเออร์ลี่รีไทร์ ขณะที่ดำรงยศ พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยขอเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดอายุราชการ

เส้นทางชีวิตราชการที่รุ่งโรจน์ ของ พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ จากกองทัพบก สู่ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ยุค คสช. จนถึงยุคเลือกตั้ง 2566 สั่งสมพันธมิตรการเมือง-วงการธุรกิจไว้อย่างแนบแน่น นักธุรกิจนักการเมืองทุกสายปราถนาจะเข้าถึง

พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ วัย 52 ปี (เกิด 21 เมษายน 2514) เป็นที่รู้จักว่าเขาเป็นหลานชาย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ สมรสกับ พจน์ศิรินทร์ (สกุลเดิมสุดลาภา) บุตรสาวนายเชาวน์วัศ สุดลาภา อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เขามีบุตรชาย 1 คน

เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 30 จบโรงเรียนนายร้อย จาก Virginia Military Institute (VMI) ประเทศสหรัฐอเมริกา และนับรุ่นเป็น จปร.41

จบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า (Communications and Signal Processing) University of Minnesota สหรัฐอเมริกา และรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เส้นทางอำนาจในกองทัพ

  • รับตำแหน่งผู้ช่วยนายทหารยุทธการ กองทัพภาคที่ 1 ในปี 2547-2550
  • จากนั้นขึ้นเป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 9 ในปี 2550-2552
  • เสนาธิการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ในปี 2552-2553
  • 2553-2558 เป็นรองผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
  • 2558-2559 ขึ้นเป็นผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
  • 2559-2560 เป็นนายทหารปฏิบัติการ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
  • 2560-มีนาคม 2561 ผู้บังคับการ กรมพัฒนาที่ 1 กองทัพบก
  • 2561 เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น)
  • 2561-2564 รับตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานประสานภารกิจทางทหารกับกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ประสานภารกิจทางทหาร สำนักนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม
  • 2562-2566 ประจำการที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายทหารคนสนิทและที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
  • 2564-กันยายน 2566 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ตำแหน่งใหญ่ในบริษัท ปตท.

พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ยังปรากฏตัวในวงการธุรกิจพลังงาน ด้วยการเข้าดำรงตำแหน่ง ในบอร์ด บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มาตั้งแต่ 1 กันยายน 2557 และลาออกเมื่อ 1 กันยายน 2566 โดยขอแจ้งการลาออกของกรรมการ ปตท.สผ. เนื่องจากดำรงตำแหน่งกรรมการต่อเนื่องครบ 9 ปี

ซึ่งตำแหน่งนี้มีค่าตอบแทนรายเดือน อัตรา 40,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 50,000 บาทต่อครั้ง รวมทั้งโบนัสกรรมการจะได้รับในอัตรา 0.2% ของกำไรสุทธิ

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการอิสระ (กรรมการที่มิใช่ผู้บริหาร) กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC

ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน 50,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 40,000 บาทต่อครั้ง รวมทั้งโบนัส 0.30 ของกำไรสุทธิ (ปี 2566 งดจ่ายโบนัสเนื่องจ่าผลประกอบการขาดทุนสุทธิ)

ตำแหน่งในบริษัทไทยคม

ในวงการธุรกิจโทรคมนาคม พลโท นิมิตต์ สุวรรรัฐ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งล่าสุด เมื่อเดือนพฤศิกายน 2566 ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี นายสมประสงค์ บุญยะชัย เป็นประธานคณะกรรมการและกรรมการอิสระ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นรองประธาน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ระบุประวัติการอบรม ของ พลโท นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ไว้ดังนี้

  • Master of Science in Electrical Engineering (Communications and Signal Processing), University of Minnesota, Minnesota, U.S.A.
  • Bachelor of Science in Electrical Engineering, Virginia Military Institute, Virginia, U.S.A.
  • Director’s Briefing-Corporate Strategy beyond the Crisis, a Chairman/Board Perspective, Bain & Company, Inc.
  • Public Key Infrastructure (Certification Authority, Digital Signature) Course, Ottawa, Canada
  • Electronic Commerce Course, Orlando, Florida, U.S.A.
  • Computer Emergency Response Team, Carnegie Mellon, Pittsburgh, Pennsylvania, U.S.A
  • National Crisis Management Course, APCSS, Honolulu, Hawaii, U.S.A.
  • หลักสูตรหลักประจำชุดที่ 83 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
  • หลักสูตรเสนาธิการทหารร่วม วิทยาลัยเสนาธิการทหาร
  • หลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 สถาบันพระปกเกล้า
  • หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่น 216/2016 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
  • เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ปิโตรเลียม การบริหารจัดการองค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยง ความมั่นคง และเทคโนโลยีสารสนเทศ

บัญชีทรัพย์สิน 316 ล้านบาท

ขณะดำรงยศ พล.ต.นิมิตต์ เคยยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ในตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กรณีทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง ซึ่งครบ 3 ปีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 โดยระบุว่า คู่สมรส ชื่อ นางพจน์ศิรินทร์ สุวรรณรัฐ และบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คน อายุ 14 ปี มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 316,061,989 บาท ไม่มีหนี้สิน

แบ่งเป็นทรัพย์สินของ พล.ต.นิมิตต์ จำนวน 40,144,091 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 11,573,445 บาท เงินลงทุน 12,870,645 บาท ยานพาหนะ 13,100,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป) จำนวน 2,600,000 บาท

เป็นทรัพย์สินของคู่สมรส จำนวน 275,917,898 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 32,366,288 บาท เงินลงทุน 132,211,609 บาท ที่ดิน 57,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 37,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป) จำนวน 14,940,000 บาท

สำหรับเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็น การถือหลักทรัพย์หรือพันธบัตร ในกองทุนเปิดของธนาคารต่าง ๆ ตราสารหนี้ หุ้นกู้ กองทุนบริษัท

มีโฉนดที่ดิน จำนวน 12 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นที่ดินในกรุงเทพฯ อยู่ในเขตคันนายาว 2 แปลง เขตบางกอกน้อย 4 แปลง เขตพระโขนง 1 แปลง เขตตลิ่งชัน 2 แปลง เขตบางซื่อ 1 แปลง เขตบางเขน 1 แปลง และเขตประเวศ 1 แปลง รวมเนื้อที่ 4-5-80 ไร่

ในเอกสาร ป.ป.ช. ระบุว่าคู่สมรส มีรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สิน เป็นการขายที่ดินปากช่อง (จ.นครราชสีมา) จำนวน 22 ,000,000 บาท

ครอบครองบ้าน-คอนโดฯ รวม 3 หลัง หลังหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร เขตคันนายาว กทม. ได้มาเมื่อปี 2545 มูลค่า 25 ล้านบาท หลังที่สอง อยู่บางซื่อ กทม. ได้มาเมื่อปี 2545 มูลค่า 1 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม Amari Resident Huahin ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มาเมื่อปี 2556 มูลค่า 11 ล้านบาท

รถยนต์ 4 คัน รถยนต์ 4 คัน (BMW 730, Volk, BMW5, Porche) ส่วนทรัพย์สินอื่น เช่น นาฬิกายี่ห้อหรู 6 เรือน เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม

สำหรับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ระบุตามเอกสาร ไม่มีทรัพย์สินและหนี้สิน มีเพียงค่าใช้จ่ายประจำ เป็นค่าอุปโภค บริโภค ค่าเล่าเรียน จำนวน 600,000 บาท ประกัน 1,000,000 บาท ท่องเที่ยว 300,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายของบุตร 1,900,000 บาท