“ถาวร” ในศึกเลือดข้น…คนจาง ประชาธิปัตย์พรรคไม่แตก จับขั้ว พปชร.

สัมภาษณ์พิเศษ โดย ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

 

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทางมาถึงทางแยกอีกครั้ง ร่วม-ไม่ร่วม รัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังกวาดต้อนพันธมิตรการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพื่อชู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2

เป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดในทศวรรษ ที่แกนนำ-ผู้บริหารพรรค ชุดใหม่จะต้องตัดสินใจ แทนผู้นำพรรคคนเก่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ลาออกหลังพ่ายแพ้ยับเยินในสนามเลือกตั้ง 24 มี.ค. กลายเป็นพรรคต่ำร้อย

ซ้ำเติมสถานการณ์ภายในให้เกิดการแบ่งฝ่าย 1.ฝ่ายที่ต้องการร่วมรัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ” โดยมี “ถาวร เสนเนียม” กับพันธมิตรราว 30 ชีวิต มีการหารือกันแล้ว 2 รอบ หรือ 2.ยอมเป็น “ฝ่ายค้าน”

ศึกสายเลือด…เลือดข้น คนจาง จะนำพา ปชป.ไปสู่จุดใด หรือท้ายที่สุด “ขั้วถาวร” จะไม่อยู่ถาวรกับ ปชป. กลายเป็น “งูเห่า” หรือไม่ ประชาชาติธุรกิจ สนทนากับ “ถาวร” เพื่อหาคำตอบ…..

เชื่อว่าจบสวย 

สถานการณ์ในขณะนี้จบสวย เพราะ 1.ต่างคนมีความตั้งใจดีให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคต้นแบบที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ฟังกันทุกฝ่าย 2.มองเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ศาสนา เป็นหลัก ที่จะให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ 3.มองเห็นนโยบายของเราในการแก้ปัญหากับประชาชนในการหาเสียงไว้ คือ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ

“ปชป.ไม่มีกลุ่ม อย่าคิดว่าประชาธิปัตย์มีกลุ่ม แต่ละคนไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยในบางเรื่อง เช่น การที่ newdem บางคนบอกว่าเป็นฝ่ายค้านอิสระ คนที่มาร่วมประชุมเขาไม่เห็นด้วย หรือที่เห็นด้วยคือ พรรคจะต้องมีการปฏิรูป ปชป.ไม่มีนายทุนที่จะสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ไม่มีผู้มีอิทธิพลที่จะครอบงำใครต่อใคร”

แม้ว่าขณะนี้ในวง “ถาวร” จะมีสมาชิกประมาณ 30 คน แต่ที่ประจักษ์ต่อสายตา “ถาวร” ไม่มีเสียงค้าน

“ผมฟังกันมา 2 ครั้ง ยังไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วม แต่สิ่งที่ยึดหลักคือ จะต้องเอานโยบายของพรรคไปใช้ สุดท้ายต้องตัดสินกันในที่ประชุมใหญ่พรรค”

ถึงแพ้ แต่พรรคไม่แตก

ถ้าฝ่าย “ถาวร” กลายเป็น “เสียงข้างน้อย-แพ้โหวตในที่ประชุม” เขาตอบว่า “อย่าสมมติในสิ่งที่ยังไปไม่ถึง จิตสำนึกของทุกคนต้องการให้ชาติอยู่รอดปลอดภัย เวลาหาเสียงเพื่อที่จะเอานโยบายไปสู่การปฏิบัติ ไม่ได้หาเสียงไปสู่การเป็นฝ่ายค้าน การที่ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่สามารถจับมือกับใครได้ แต่พรรคพลังประชารัฐที่ได้คะแนนพ็อปพูลาร์โหวตมากที่สุด เขาต้องการให้ ปชป.ร่วมรัฐบาล แม้ไม่บอกตรง ๆ แต่คาดการณ์ได้”

“เรื่องนี้ไม่ทำให้พรรคแตกหรอกครับ เรามีวินัยพรรค ไม่แตกแน่ เห็นต่างกันเมื่อโหวตแพ้ก็ยอมรับในมติพรรค อาจจะพูดถึงเอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.ก็พูดได้ ที่ผ่านมามีบางคนย้ายพรรคออกไปเป็นความหวือหวาในการใช้ภาษาของสื่อ ที่จะต้องการขายของสื่อแต่ละสื่อมากกว่า”

เช่นเดียวกับคำว่า “งูเห่า” ถาวรติงว่า “อย่าสมมติอีก สมมติไม่ได้ ผมบอกว่าพวกเรามีวินัยพรรค มีเหตุผล คุยกัน”

3,947,726 คะแนน คือ คะแนนเลือกตั้งของ ปชป.ในวันเลือกตั้ง เมื่อ หาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จะบอก 3.9 ล้านเสียงอย่างไร ?

“ไปถาม 3.9 ล้านเสียงแล้วหรือ ว่าที่เขาเลือกเพราะเชื่อตามนั้น 3.9 ล้านบางคนก็เลือกนโยบายพรรค บางคนมีความสนิทสนมกับผู้สมัคร บางคนชอบอภิสิทธิ์ที่พูด บางคนชอบความเป็นมาของพรรค ทั้งหมดเราทึกทักจากเหตุผลหนึ่งเหตุผลใดไม่ได้ แต่ ส.ส.ย่อมรู้ได้เองว่า เสียงจำนวนมากต้องการอะไร เพราะเขายังเชื่อมสัมพันธ์กับฐานเสียงของเขา” ถาวรตอบ

“ที่นายอภิสิทธิ์พูด (ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ) ไม่ได้เป็นไปตามข้อบังคับของพรรค ผมเห็นคำพูดของหัวหน้าก็รู้ว่ามีปัญหาแล้ว” 

กลัวหรือไม่ ถ้าถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุทำให้พรรคแตก ? เขาตอบว่า “ก็บอกอยู่ว่า สิ่งที่หัวหน้าพูดไม่ได้ผ่านการประชุมของพรรค จะเป็นมติพรรคไม่ได้ เรื่องสำคัญมาก จะหนุนใครเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์คนเดียวไม่ใช่เป็นตัวแทนของพรรคในการตัดสินใจเรื่องนี้”

ไม่มี ปชป.ตั้งรัฐบาลยาก

ในสูตรการตั้งรัฐบาล ถ้า ปชป.ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐจะเกิดอะไร

“ถาวร” วิเคราะห์ว่า “ไม่มีพรรคหนึ่งพรรคใดจัดตั้งรัฐบาลให้มีเสียงข้างมากที่มีเสถียรภาพได้เลย กลุ่มเพื่อไทยจะมีเสียงอยู่ที่ 240 กว่า ส่วนฝ่ายพลังประชารัฐ 220 กว่า ๆ จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะให้ ปชป.ไปร่วมกับเพื่อไทยเป็นไปไม่ได้ ถ้าจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพไม่ได้ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ลองคิดดูว่านักลงทุนจะเกิดความเชื่อมั่นหรือ เศรษฐกิจแย่อยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก เหตุเกิดจาก ปชป.ไม่ร่วมรัฐบาล แล้วบอกว่าหาเสียงเพื่อจะเอานโยบายไปสู่การปฏิบัติ เขาบอกจะรับนโยบายนั้นมาผนวกกัน นโยบายของแต่ละพรรคเหมือนกันทั้งนั้น เว้นแต่เรื่องตัวเลขที่เกทับกัน แล้วอะไรต่างที่จะไม่ไปร่วมรัฐบาล นักการเมืองไม่ควรมีทิฐิ ยกนี้แพ้จับมือทำงานเพื่อชาติกันได้ก็จับมือกัน”

“ส่วนผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับพรรคอย่างไร คือ คนที่เลือก ปชป. คนในเมืองกลัวระบอบทักษิณจะกลับมา จะเกิดความวุ่นวาย ปชป.ดูไม่น่าไว้วางใจจึงเทคะแนนให้พลังประชารัฐ เคยคิดไหมว่าใน กทม.จะเจ๊งหมด สอบตกหมด ก็เพราะคลิปของนายอภิสิทธิ์ ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน ทั้งสู้กับประยุทธ์ สู้กับระบอบทักษิณด้วย แล้วตกลงจะเอาอะไร ศัตรูของชาติบ้านเมืองคืออะไร”

“คนในชนบทต้องการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตร ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล รัฐบาลจะตั้งไม่ได้ ใครจะไปช่วยเขา เศรษฐกิจย่ำแย่ต่อ ปชป.จะกลายเป็นแพะรับบาป เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าดันทุรังค้านประเภทที่ไม่อยากเข้าร่วมรัฐบาล ผลกระทบมีแน่ใน ส.ส.เขต นักรบภาคสนามอย่างพวกผมมีแน่”

“และคาดการณ์ว่าประชาชนจะเลือก ปชป.น้อยลงอีก เพราะฟังเสียงจากคนในพื้นที่ และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากที่เราไม่ได้ร่วมรัฐบาล”

ร่วมรัฐบาล พปชร. กู้ ปชป. 

ดังนั้น สิ่งที่จะกู้สถานการณ์ให้ ปชป.กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง คือการร่วมรัฐบาล ? “ถาวร” กล่าวว่า การเอานโยบายไปสู่การปฏิบัติในการแก้ปัญหาความยากจน แก้ไขความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก้ไขปัญหาราคาข้าวในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ส่งเสริมการลงทุนทั่วภูมิภาค ซึ่งเป็นนโยบายที่พร้อม และเข้ากับ พปชร.

“ส่วนมั่นใจแค่ไหนว่า พปชร.มอบกระทรวงเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการเจรจา เช่น เราอยากได้กระทรวงเกษตรฯ เพราะเกี่ยวข้องกับประชาชน ก็ต่อรองกันว่ามีรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยกี่คน แล้วมาผนวกครีเอทีฟนโยบายกัน ซึ่งคล้าย ๆ กันอยู่แล้ว”

สุเทพไม่ใช่โปรโมเตอร์ “งูเห่า” 

ก่อนหน้านี้ “ถาวร” เคยเป็นหนึ่งใน กปปส. เคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมเป็นร่วมตาย กับ “กำนันสุเทพ” สุเทพ เทือกสุบรรณ แต่ “ถาวร” และผองเพื่อน ปชป.ที่ขึ้นเวที กปปส.ทยอยกลับพรรค แยกจาก “ลุงกำนัน” ที่ผันตัวเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

แม้อยู่ต่างพรรค แต่ยังมีการพูดถึง “บารมี-เส้นสาย” ของ “สุเทพ” ที่แผ่มาถึง ปชป. ว่ากันว่า จะเป็นโปรโมเตอร์ที่ดึงคนของ ปชป.ไปยกมือให้พรรคพลังประชารัฐ และถ้าทำสำเร็จ เครือข่ายของ “สุเทพ” จะขึ้นมานำพรรค ปชป.ทันที

“ถาวร” เห็นต่างจากนั้น “คนอคติในการมอง นายสุเทพไม่มีแล้ว สุเทพไปตั้งพรรคใหม่ เป็นสมาชิกพรรคใหม่ ไม่มีใครพูดถึงสุเทพ แต่ยังคบกันในฐานะเพื่อนพ้องน้องพี่ สุเทพบริหารพรรคของท่านไป พรรคเราก็บริหารกันไป ไม่ใช่ขั้วสุเทพนะ”

“ส่วนบทบาทของคุณสุเทพมีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่…ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ร่วมนั่งเจรจาต่อรองร่วมกับท่าน”

เกมครั้งนี้เดิมพันสูง ถ้าชนะได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าแพ้ ความเสี่ยงของกลุ่มถาวรอยู่ตรงไหน ? เขาตอบว่า “ไม่มีอะไรเสี่ยง เป็น ส.ส.ก็ยังเป็น ส.ส. เพียงแต่จะทำงานไม่สนุก เพราะไปต่อสู้กับรัฐบาลที่เราอยากร่วม แต่เราก็มีเอกสิทธิ์ในการยกมือเห็นด้วยในบางเรื่อง หรือตรวจสอบในทุก ๆ เรื่อง”

แต่เมื่อถึงเวลาทีเด็ดทีขาดจะแยกขั้วถาวรไปสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ “ถาวร” ไม่อยากให้สมมติในสถานการณ์ที่ยังมาไม่ถึง “เรายังเป็นเอกภาพอยู่ ส่วนเอกสิทธิ์มีในรัฐธรรมนูญ แต่ความเป็นพรรคก็อีกเรื่องหนึ่ง”

ถาม “ถาวร” ด้วยความเคารพว่า ถ้าเห็นด้วยกับ พปชร.ขนาดนี้ ทำไมไม่ย้ายพรรคไปเลย ? ถาวรยินดีตอบ

“ไม่ได้…ประชาชนเขาเลือกในนาม ปชป. เราทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมผูกพัน ปชป.ตั้งแต่ 2512 ครั้งยังเรียนหนังสือ เสร็จจากม็อบ กปปส. สุเทพไปตั้งพรรคคิดว่าผมต้องไป แต่ก็ไม่ได้ไป ปี 2548 นายยงยุทธ ติยะไพรัช เอาเครื่องบินมาชวนไปอยู่กับทักษิณ มีข้อเสนอที่ดีมากมาย แต่ไม่ไป”

จะสวมชุด ปชป.เป็นพรรคเดียวตลอดไป ? “ใช่.. แต่อนาคตไม่แน่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครคิดว่าสุเทพออกจากพรรคแล้วไม่กลับ”

ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมโหวตร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาล จะเป็นตัวกำหนด ?

“ถาวร” บอกทันทีว่า “ไม่ใช่…มันหลายเรื่อง ถ้าเราจะเปลี่ยน อย่าเป็นคนขี้น้อยใจ ต้องเอาเหตุผลคนอื่นมาไตร่ตรองด้วย เช่น ฟังเหตุผลว่าอะไรที่ไม่ร่วมรัฐบาล เราต้องฟังเขา”

“เมื่อฟังเหตุผลแล้ว เหตุผลเขาไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไป จะเอาตามใจเราให้ได้ทุกเรื่องไม่ได้ ทะเลาะกับเมีย ไม่ได้ดั่งใจติดต่อกันหลายวัน ไม่ใช่จะเลิกกันนะ นอกจากไปคบชู้…รับไม่ได้”

สเป็กหัวหน้าพรรคคนใหม่

ต้องมีบารมี 3 ด้าน 1.วิทยบารมี ความรู้ความสามารถในการบริหารการจัดการพรรคการเมืองและบริหารราชการส่วนราชการ มีความรู้เพียบทุกด้าน สังคม เศรษฐกิจ การเมือง 2.มีสัมพันธภาพบารมี สัมพันธภาพภายในองค์กรที่ดี ที่จะทำให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความเป็นเอกภาพ ไม่ว่าพรรคการเมือง ส่วนราชการ หรือคนที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลทุกด้านในสังคม 3.ธนบารมี ซึ่งพรรคการเมืองปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องใช้ทุนบริหารจัดการ เช่น การระดมทุน จึงต้องมีบารมีอย่างน้อย 3 ด้าน

ขณะนี้มี 3 คนทั้ง คุณกรณ์ จาติกวณิช คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน แต่ไม่มีใครมี 3 ด้านครบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะเอาให้เต็ม 100 เลย หายากหน่อย ในขณะนี้เราต้องการความสามัคคีภายในพรรค สื่อสารองค์กรในพรรคให้ได้ดี ส่วนการให้โดดเด่นเป็นนายกฯ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังยากอยู่ และการที่พรรคตกต่ำเหลือ ส.ส. 50 กว่าคน จะฟื้นทีเดียว 140 คน ยากอยู่ เอามาฟื้นฟูพรรค ปฏิรูปพรรคเสียก่อน