ทักษิณ-หญิงอ้อ ดัน “สมพงษ์” คืนหัวหน้าเพื่อไทย แชร์อำนาจทีม “สุดารัตน์”  

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกครั้งตามคำแนะนำทักษิณ เตรียมการประชุมวิสามัญเลือกกรรมการบริหารใหม่ วันที่ 28 ก.ย.

วันที่ 27 กันยายน 2563 รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ก.ย. จะมีการประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดวันในการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ส่งสัญญาณว่า ควรให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ลาออกไปเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.ย. กลับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคอีกวาระหนึ่ง เพื่อดำรงสถานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรด้วย

สำหรับวาระการประชุมคณะรักษาการกรรมการบริหารพรรค จะมีการกำหนดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยต้องมีการกำหนดวัน เวลา และองค์ประกอบของที่ประชุมใหญ่ตามกฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรค ต้องมีองค์ประชุมไม่ต่ำกว่า 250 คน

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ ที่ 25 ก.ย. มีการประชุมทีมบริหารพรรคกลุ่มเล็ก ซึ่งคาดว่ามีคุณหญิงพจมาน เข้าร่วมด้วย ได้หารือถึงอนาคตของพรรค ที่ต้องการให้มีคนเก่ายุคไทยรักไทย ผู้อาวุโสทางการเมือง เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพื่อถ่วงดุลบทบาทของทีมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และเป็นคณะที่กุมอำนาจและกำหนดทิศทางในพรรคไว้ฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ มีการกล่าวถึงให้คุณหญิงสุดารัตน์ ออกจากประธานคณะยุทธศาสตร์พรรคและยุติคณะกรรมการชุดนี้ ไปทำบทบาทของการเมืองท้องถิ่น คือพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ทว่าฝ่ายนายทักษิณและคุณหญิงพจมานไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนว่า ทีมคุณหญิงสุดารัตน์ เช่น นายโภคิน พลกุล และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รวมทั้งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรค รวมทั้งคนอื่นจะลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ไปด้วย

สำหรับแนวคิดการปรับโครงสร้างพรรค และจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่นั้น เป็นไปตามคำแนะนำของนายทักษิณ ที่เดิมจะมีการเปลี่ยนทั้งหัวหน้าและกรรมการบริหาร เพื่อร่วมกำหนดทิศทางพรรค

ซึ่งมีรายงานว่านายทักษิณได้ส่งสัญญาณให้มีการเลื่อนกำหนดการมาถึง 3 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกหลังจากที่กลุ่มแคร์ มีความชัดเจนในการเปิดตัว ภายในเดือนกรกฏาคม ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นกันยายน และล่าสุดคือขอเลื่อนเป็นช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน ระหว่างนี้จึงต้องเจรจากับคนที่ออกไปจากพรรค ให้กลับเข้ามาเพื่อไทย แล้วเขย่ากรรมการบริหารใหม่

แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้ลดบทบาททางการเมืองลง ไม่ได้ส่งความคิดและกำหนดทิศการขับเคลื่อนมาที่แกนนำ เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ชิงลงมือทางการเมืองด้วยการลาออก และตามด้วยทีมแกนนำหลายคน ทำให้นายทักษิณและทีมบ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องรีบหาบุคคลเข้ามาแทนที่ในกรรมการบริหารชุดใหม่ และต้องยึดเอานายสมพงษ์ เป็นหัวหน้าไปพลางก่อน

คาดว่าทีมกรรมการบริหารพรรคใหม่ จะมีการถ่วงดุลอำนาจกันมากขึ้น โดยตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะมาจากอีกขั้วการเมืองในพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรคก็จะมาจากแกนนำของแต่ละภาค และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ รวมทั้งคนรุ่นใหม่

ขณะเดียวกันนักการเมืองใน “กลุ่มแคร์” ที่ออกไปจากพรรคเพื่อไทย ก็จะกลับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ,นายพิชัย นริพทะพันธุ์

อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่จะมีชื่อ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ขึ้นเป็นแคนดิเดดหัวหน้าพรรค นั้น แหล่งข่าวระบุว่า นายทักษิณ เคยเสนอชื่อ นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ด้วย

ขณะที่แหล่งข่าวจาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ว่า กรรมการบริหารใหม่นั้นไม่สำคัญเท่ากับว่าใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรค จะต้องได้ไฟเขียวจากนายทักษิณ จึงจะมีอำนาจเต็มในการกำหนดทิศทางการเมืองของพรรค

กลุ่ม ส.ส. ในพรรคกล่าวด้วยว่า หากมีการยืนยันว่าได้รับไฟเขียว หรือได้อำนาจสายตรงมาจากนายทักษิณ ก็จะทำให้ฝ่ายการเมืองมั่นใจว่าบุคคลนั้น เป็นตัวแทนและมีอำนาจจริงในการเจรจาหรือดีลกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน เพื่อกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งมีน้ำหนักในการต่อสายกับเครือข่ายการเมืองต่าง ๆ ด้วย