เพื่อไทย วางกำลัง ส.ก. 50 เขต เสริมเกมรุก “ชัชชาติ” เบียดคู่แข่ง

รอง

พรรคเพื่อไทย – ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เหมือนแยกกัน แต่ความจริงแล้วก็เหมือนส้อมกับช้อน แยกกันไม่ออก ตัดกันไม่ขาด

แม้ว่า “ชัชชาติ” ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนาม “อิสระ”

แต่หากมองข้าม “ชัชชาติ” ไปดูพื้นฐานเบื้องหลัง โครงสร้างพื้นฐานของทีมงาน “ชัชชาติ” ยังใช้ทีมงานที่คาบเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ทั้งทีมแบ็กอัพสื่อประชาสัมพันธ์ และทีมงานลงพื้นที่ มิได้เดินฉายเดี่ยว

“พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย กล่าวคล้องแขน “ชัชชาติ” ว่าอยากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. และไม่คิดว่าผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นคนอื่น

ท่านเคยอยู่ที่พรรคเพื่อไทย เคยเป็นอดีตนายกฯ ก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ถ้าท่านไปลงสมัคร เราในนามของพรรคเพื่อไทยก็ยินดีสนับสนุน

นโยบายที่สำคัญของท่านชัชชาติ คือเรื่องเศรษฐกิจ สาธารณสุข คมนาคม เขามี 200 นโยบาย ทำงานได้ละเอียด ที่สำคัญเรื่องเศรษฐกิจ สาธารณสุข 40-50% ของนโยบายท่านชัชชาติ สอดคล้องกับนโยบาย ส.ก.พรรคเพื่อไทยเปิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม

พลิกนโยบาย “ชัชชาติ” มีร่มใหญ่ 9 ดี ประกอบด้วย ปลอดภัยดี สุขภาพดี สร้างสรรค์ดี สิ่งแวดล้อมดี บริหารจัดการดี เรียนดี โครงสร้างดี เศรษฐกิจดี เดินทางดี โดยมี 200 นโยบายที่กระจายอยู่ในทั้ง 9 ดี

นโยบายชัชชาติ ปักหมุด ต้องทำให้กรุงเทพฯน่าอยู่สำหรับทุก ๆ คน สร้างบาลานซ์สำหรับ “เส้นเลือดใหญ่” ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน กับ “เส้นเลือดฝอย” ชุมชนชายขอบ

“กทม.ต้องดูแลเส้นเลือดฝอย รถเมล์ไม่ใช่ตามใจฉัน ฟุตปาทก็ต้องทำให้ดี หรือเส้นเลือดใหญ่เรื่องน้ำมีอุโมงค์ระบายน้ำ แต่คูคลองเส้นเลือดฝอยอุดตัน น้ำก็ไปไม่ถึง ส่วนเพิ่มพื้นที่สีเขียว ต้องปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง และปลูกต้นไม้ในใจคนด้วย กำหนดให้วันอาทิตย์ไปปลูกต้นไม้ ให้เป็น culture นอกจากนี้ ยังชอบพื้นที่สีเขียวในถนนประชาชื่นเลียบคลองประปา ซึ่งเราทำเช่นนั้นได้”

“ผู้ว่า กทม.เหมือนถูกเลือกให้มาปีนเขาเอเวอเรสต์ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่วิสัยทัศน์เรามีเป้าหมาย 9 เรื่องที่แตะทุกคน นโยบายของ กทม.ไม่ได้ขับเคลื่อนได้นโยบาย 4-5 ข้อ แต่เรามี 200 นโยบาย ซึ่งเราเขียนแผน 200 นโยบายทำให้เกิดการขับเคลื่อน เช่น ปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น อาทิตย์แรกที่เข้าไป ต้องชี้เป้าว่าปลูกที่ไหน เริ่มทำได้เลย” นายชัชชาติ กล่าว

ย้อนไปในพรรคเพื่อไทยที่มี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นประธานยุทธศาสตร์ และคุม ส.ก. มีเสียงลือว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยแฮปปี้กับ “ชัชชาติ”

ทว่าหลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ ย้ายไปสร้างอาณาจักรตนเอง และ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร เข้ามารับหน้าที่มาดามนครบาลแทนที่ ส.ก.ฝ่าย “คุณหญิงสุดารัตน์” บางส่วนก็ย้ายไปสมทบกับไทยสร้างไทย บางส่วนก็ผันแปรตามการเมือง

แต่สถานะในปัจจุบัน แหล่งข่าว กทม.พรรคเพื่อไทยฉายภาพว่า “ชัชชาติ-เพื่อไทย” พวกเดียวกัน แต่ชัชชาติ ก็ต้องมี Space กับพรรคเพื่อไทย ถ้าคิดจะลงพรรคเพื่อไทยก็ลงเพื่อไทยไปแล้ว การที่เขาต้องไปลงอิสระต้องมี Space ระหว่างเรากับเขา

แต่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. พรรคเพื่อไทย ก็ใส่เสื้อ ทำงาน ทำงาน ทำงาน หลายเขต ส.ก. อยากได้ชัชชาติไปช่วยหาเสียงมาก ส่วนชัชชาติก็เหมือนหาแนวร่วม อยากไปลงในเขตของผู้สมัคร ส.ก. เพราะกรุงเทพฯมีชุมชน กับบ้านรั้ว คอนโดฯ ชัชชาติได้คนกลุ่มกลาง ๆ บ้านรั้ว คอนโดฯ แต่ระดับพื้นที่ไม่แข็ง

สอดคล้องกับผู้เกาะติดการเลือกตั้งทุกสนาม “สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ในฐานะ “คนกลาง” ความสัมพันธ์-ความสำคัญ ส.ก.กับผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะกรณี “ชัชชาติ” ว่า ถ้าไม่มี ส.ก. ปลายทางไปเป็นผู้ว่าฯ เหนื่อย เพราะ ส.ก.ก็คือสภา กทม.เป็นตัวผ่านงบฯ หน่วยตรวจสอบ ถ้าหากคนละพวกกันมีปัญหาแน่

ส.ก.คือเครือข่ายฐานเสียง ส.ก.รู้จักพื้นที่ และรูปแบบที่เป็นกอบเป็นกำคือพื้นที่ ถ้ามี ส.ก.ก็จะพาผู้สมัครเดินไปยังพื้นที่ที่ได้คะแนน และหาคะแนนมาช่วยผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ด้วย ส่วน ส.ก.ก็หวังว่ามาแปะกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นคนที่มีคะแนนนิยม เขามาแปะกับผู้ว่าฯ กทม.ก็หมายความว่าเป็นทีมเดียวกัน

ถ้าประกาศว่าเป็นพรรคเดียวกันก็ช่วยเหลือกันอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้สมัครอิสระ กับผู้สมัคร ส.ก.ถ้ามาจับมือกัน เขาก็ได้คะแนนนิยมส่วนของแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.ไปด้วยว่า นี่คือ ส.ก.ทีมเรา

“เพราะแบบแผนการเลือกท้องถิ่นของประเทศไทย รวมถึง กทม. ไม่ได้คิดแยกว่าผู้ว่าฯ กทม.คือฝ่ายบริหาร ส.ก.คือฝ่ายสภา เลือกไปเพื่อตรวจสอบกัน เวลาหาเสียง เวลาทำการเมือง เป็นทีมเดียวกัน ไปแพ็กคู่ จึงเป็นที่มาว่า เป็นผู้ว่าฯอิสระ และไม่มี ส.ก.ชีวิตจะอยู่อย่างไร”

“พอมี ส.ก.ติดมือก็ทำงานง่ายขึ้น ส.ก.มีคะแนนในพื้นที่ มีเครือข่าย ถ้าจะจ่ายเงิน ส.ก.ก็รู้ว่าจ่ายที่ไหน หรือ หาคะแนนที่ไหน ไม่เช่นนั้นเดินเหนื่อยตายเลย เวลาทำงานก็ช่วยกัน แทนที่จะขัดกัน เพราะถ้า ส.ก.คนละทีมกับผู้ว่าฯ กทม.ก็มีการขัดกันแน่ ส.ก.ก็ต้องต่อรอง อยากได้อะไรในเขตตนเองผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้นไม่ผ่านงบฯให้”

“เมื่อคะแนนนิยมชัชชาตินำไปเรื่อยๆ ตัวเองที่เป็น ส.ก.อยากชนะก็ต้องเกาะกระแสนิยมของชัชชาติไปด้วย เพราะสนาม กทม.แค่คุมชาวบ้านในพื้นที่ได้มันไม่พอ เพราะมีพวกบ้านล้อมรั้ว และคอนโดฯ ประเภทที่ชัชชาติไม่ต้องเดิน แต่ได้คะแนน และ ส.ก.จะไม่อยากได้คะแนนแบบนี้หรือ ถ้าไปเปิดเฟซบุ๊ก หาคะแนนเองก็ตายสิ สู้เกาะชัชชาติไปไม่ง่ายกว่าหรือ”

สุดท้าย “ชัชชาติ” ก็หล่อเลือกได้…