หมอระวี : ร่างทรงสูตรหาร 500 ซ้อนแผน ฆ่าเพื่อไทย ดัดหลังเกมแตกพรรค

นพ.ระวี มาศฉมาด
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ขยับขึ้นมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ทางการเมืองภาพใหญ่อีกคน

หลังที่ประชุมรัฐสภา มีมติ “คว่ำ” สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 ซึ่งสูตรคำนวณแบบเดียวกับการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ที่พรรคเพื่อไทยเคยประสบความสำเร็จ-แลนด์สไลด์ ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่…) พ.ศ. … เมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2565

แล้วหันมาใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 500 แบบที่เคยใช้ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 อันเป็น “กติกาจัดสรรปันส่วนผสม” ที่ทำให้เกิดรัฐบาลผสม มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ใกล้จะครบ 4 ปี

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “หมอระวี” เจ้าของสูตรคำนวณหาร 500 ที่รัฐสภาโหวตเห็นชอบให้เป็น “ต้นร่าง” ในการปรับปรุงกติกาเลือกตั้งสูตรหาร 500 ประกาศขวางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย

เขายืนยันว่า ได้รับ “ไฟเขียว” จาก พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ขับเคลื่อนสูตรหาร 500

เบื้องหลังดีลสูตรหาร 500

นพ.ระวีเปิดเบื้องหลังการพลิกโหวตมาเป็นสูตรหาร 500 ว่า ที่เห็นรัฐสภาโหวตเอาสูตรหาร 500 ไม่ใช่เหตุการณ์เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บ แต่เขาเอาร่างกฎหมาย (สูตรหาร 500) ของผมตั้งแต่ไก่โห่

ADVERTISMENT

ได้มีการประสาน มีการคุยกับ พล.อ.ประวิตร ได้คุยกับท่านนายกฯ คุยกับพรรคโน้นพรรคนี้ คุยกับ ส.ส.เกือบทุกพรรค ชี้ให้เห็นความสำคัญของบ้านเมืองและหันมาร่วมโหวตให้เรา สู้กันมาอยู่ 7 เดือน

ส่วนปุ๊บปั๊บ เป็นสถานการณ์ทางการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมาคิดแล้วว่า ถ้าปล่อยให้สูตรหาร 100 ชนะ พรรคร่วมรัฐบาลจะกลายมาเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพวกนี้จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 1 กับหมวด 2 ดังนั้น มีทางเดียวต้องมาใช้สูตรหาร 500 ของผม

ADVERTISMENT

“7 เดือนที่สู้มา เราคุยมาตลอด คุยกับท่านอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ผมก็คุย แต่ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ 40 เสียง มาทางฝั่งผม อยากให้ฟรีโหวตเลือกสูตรหาร 500 มาเป็นสัปดาห์ พรรคพลังประชารัฐมากกว่าครึ่งก็จะเอาหาร 500 แต่หัวหน้า (พล.อ.ประวิตร) สั่งหาร 100 ก็จะหาร 100 แต่ ส.ส.เขารอจังหวะ เพราะส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับ 500 หรือพรรคชาติไทยพัฒนาก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกันในพรรค”

ส่วน ส.ว.ก็มีการพูดคุยเกือบทุกคน โดยแบ่งงานกับ ส.ว.ให้ไปคุยกันในวุฒิสภา ซึ่งเขาไม่มีเบื้องหลังเป็นพรรคการเมือง แต่ดูกฎหมาย และดูความเป็นจริง

นพ.ระวีเล่าว่า ตอนแรกในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ผมคิดว่าสูตรหาร 500 ของผมชนะในชั้นกรรมาธิการด้วย ประมาณ 1-2 คะแนน แต่สุดท้ายแพ้สูตรหาร 100 ด้วย 32 ต่อ 11 เสียง

“ผมยังงงว่าเมื่อคืนก่อนโหวตที่เคลียร์กันเป็นแบบหนึ่ง แต่ตอนโหวตเป็นแบบหนึ่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“ยอมรับว่าการเจรจาเรื่องนี้หนัก ถ้าไม่หนักก็ไม่ต้องใช้เวลา 7 เดือน”

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรยืนยันหัวเด็ดตีนขาดมาตลอดจะใช้สูตรคำนวณหาร 100 กล่อม พล.อ.ประวิตรอย่างไร ให้ “เปลี่ยนใจ” มาใช้สูตรหาร 500 ก่อนส่งสัญญาณไปที่พรรคพลังประชารัฐ ให้ยกมือโหวตตาม

หมอระวีบอกว่า ต้องใช้เวลาคุยกับ พล.อ.ประวิตรตั้ง 4 ครั้ง ชี้แจงเหตุผลกับท่านเรื่อย ๆ

ต้นเหตุเสนอหาร 500

นพ.ระวีกล่าวว่า เหตุที่สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องเป็นหาร 500 ก็เพราะเป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560 ระบุไว้ชัดเจนว่าการเมืองในสมัยรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 พบว่า ส.ส.ไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง กลายเป็นว่านักการเมืองเป็นของนายทุนพรรคการเมือง

ด้วยเหตุนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 จึงออกแบบให้มีเจตนารมณ์ ส.ส. 4 ข้อหลัก คือ ปราบโกง คะแนนเสียงพึงมี คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ จัดสรรปันส่วนผสม เพื่อให้ได้ ส.ส.ของประชาชน และให้ประชาชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่มีความพร้อมระดับหนึ่ง ตั้งพรรคการเมืองมาลงเลือกตั้ง และได้คะแนนเสียงที่เหมาะสม ได้เป็นตัวแทนสะท้อนปัญหาประชาชนในสภา

“ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นบัตร 2 ใบ และใช้สูตรคำนวณแบบสัมพันธ์ทางตรงโดยการหาร 100 เป็นการล้มเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560 เกือบทุกข้อ เว้นแต่เรื่องรัฐธรรมนูญปราบโกง ที่อยู่ในมาตราอื่น”

“ที่ผมมาเคลื่อนไหวในสูตรหาร 500 จะสามารถทำให้ระบบการจัดสรรปันส่วนผสม จำนวน ส.ส.พึงมี ยังคงอยู่ แม้แก้เรื่องคะแนน ส.ส.เขตยังตกน้ำไม่ได้ทั้งหมด เพราะ ส.ส.เขตยังคะแนนตกน้ำอยู่ แต่นี่คือเป้าหมาย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อทวนเข็มกลับไปใช้สูตรหาร 500 แบบจัดสรรปันส่วนผสมเหมือนตอนเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 จะทำให้เกิดพรรคเล็กมากถึง 10 พรรค ในปัจจุบัน “นพ.ระวี” บอกว่า “เป็นผลพลอยได้”

“ถ้าใช้สูตรหาร 100 พรรคเล็กแทนที่จะสูญพันธุ์ การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจเหลือแค่พรรค 2 พรรค ไม่สูญพันธุ์ก็หนีไปอยู่พรรคใหญ่หมด แต่พอใช้สูตรหาร 500 อาจจะเหลือพรรคเล็ก 7-8 พรรค ที่มี ส.ส. 1 คนเข้าสภาได้ แต่จะไม่เท่าปัจจุบันนี้ เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อถูกปรับจาก 150 คน เหลือ 100 คน”

“ส่วนพรรคที่เคยได้ ส.ส. 1 คน ในการเลือกตั้งปี 2562 อาจจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 คน เพราะมีความพร้อมมากขึ้น”

ทว่า “ผลพลอยได้ที่สำคัญ” คือ ไปสกัด “เผด็จการรัฐสภา” นพ.ระวีกล่าวว่า ไม่ใช่สกัดพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวนะ แต่อาจจะรวมถึงพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ ส.ส.เขตมากกว่า จำนวน ส.ส.พึงมี พอได้ปุ๊บเขาจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง โดยสกัดแลนด์สไลด์เพื่อไทย และแลนด์สไลด์ของพรรคอื่นในอนาคต

รู้ทันแผน เพื่อไทยแตกแบงก์

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีคนการเมืองนำสูตรหาร 500 ของ นพ.ระวีไปคำนวณ แล้วปรากฏว่า พรรคเล็กอาจไม่ได้ประโยชน์จากสูตรดังกล่าวมากนัก เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีแค่ 100 คน ต่างจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อมี 150 คน ดังนั้น เมื่อตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง ทำให้คะแนนเลือกตั้งที่จะได้ ส.ส. 1 คน อาจสูงถึง 140,000 คะแนน

นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เผยว่า เตรียมแผนแก้เกมสูตรหาร 500 โดยอาจตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา ตามสูตร “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” เพื่อมาเก็บคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันยังเชื่อว่า “พรรคเล็กฆ่าตัวตายทางอ้อม” ที่ใช้สูตร 500

แต่ “นพ.ระวี” ไม่ได้คิดอย่างนั้น “เป็นคำมาหลอกของหมอชลน่าน ก่อนอื่นต้องบอกว่า 1.การแตกพรรคแบงก์พัน แยก 2 พรรค ทำไม่ได้ มันผิดกฎหมาย 2.ผมลองคำนวณแล้วถ้าไม่มีการแตกพรรคแบงก์พัน เมื่อคำนวณ ส.ส.ทั้งหมดแล้ว ส.ส.บัญชีรายชื่อจะไม่เกิน 100 คน ดังนั้น มีแค่การปัดเศษขึ้นจน ส.ส.บัญชีรายชื่อครบ 100 คนเท่านั้น”

“แต่ถ้ามีพรรคแตกแบงก์พัน ซึ่งเรารู้มาก่อนแล้วว่าอาจจะมีการใช้วิธีนี้ และลองคำนวณไว้แล้ว อาจทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อบวกเข้ามาแล้วถึง 300 คน เกินมาประมาณ 3 เท่า เราจึงมีสูตรบัญญัติไตรยางศ์ไว้เทียบลดจำนวน ส.ส.เป็นร้อยละ ก็จะแฟร์กับทุกพรรค”

“สมมุติว่า พรรค ก. ซึ่งเป็นพรรคที่แตกแบงก์พันออกมาจากพรรคใหญ่ ได้ 10 ล้านคะแนน ก็จะมี ส.ส.พึงมี 150 คน แต่เขาไม่ส่ง ส.ส.เขตเลย ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เต็มจำนวนพึงมี 150 คน แต่เมื่อรวมจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคอื่นได้ อาจจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมด 300 คน ซึ่งเกินจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน”

“ดังนั้น จึงต้องทอนจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้เหลือ 100 คน ด้วยการใช้วิธีเทียบบัญญัติไตรยางศ์ ก็จะทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก.เหลือแค่ 50 คน”

“และเกมแตกพรรคแบงก์พัน ถ้าพรรคที่หนึ่ง พรรคที่สอง ต้องมีคนเผลอพูดหาเสียงเชื่อมโยงกันก็จะผิดกฎหมายเลือกตั้ง อาจจะถูกยุบทั้ง 2 พรรค เพราะเวลาซื้อเสียงต้องซื้อจากพื้นที่ ถ้ามีหลักฐานว่า ส.ส. หรือแกนนำพรรคไปซื้อเสียงกับชาวบ้านให้ชาวบ้านไปเลือกพรรคที่แตกออกมา ถามว่าจะเหลือไหม”

“แต่ถ้าไม่มีพรรคแตกแบงก์พัน โอกาสมี ส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 100 คน มีได้เหมือนกัน แต่น้อย”

“เช่นเดียวกัน ที่หมอชลน่านพูดถึงพรรคเล็กว่า ได้คะแนนมา 1.4 แสนคะแนน เป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมนั้น พรรคเล็กไม่มีปัญหา 1.4 แสนเสียง ยังดีกว่าหาร 100 ที่ต้องได้ 3.7 แสนคะแนนถึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน”

ขณะเดียวกัน ด้วยสูตรหาร 500 แม้สกัดแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยได้สำเร็จ แต่อาจไปเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้พรรคก้าวไกล ที่คำนวณไว้ 70-80 ที่นั่ง ฝ่ายค้านในปัจจุบันอาจจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาลได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

“นพ.ระวี” ตอบคำถามนี้ว่า ไม่เป็นไร สู้กันตามกติกา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องรวมเสียงกัน แต่เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลอาจจะไม่ได้คะแนนถึง 6 ล้านคะแนนเหมือนตอนการเลือกตั้ง 2562 อาจจะได้อยู่ที่ 5.5 ล้านคะแนน และ ส.ส.เขตอาจจะลดฮวบ ไม่ถึง 30 เขต

ส่วนกรณีที่มีคนเตรียมไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยเรื่องสูตรหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นพ.ระวีตอบว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญคว่ำ ต้องคว่ำหมด ถอยหลังไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ เพราะถ้าหาร 100 ยิ่งขัดรัฐธรรมนูญใหญ่เลย

ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะให้สูตรหาร 500 ผ่าน โดยศาลต้องพิจารณาหลักรัฐศาสตร์ด้วย ไม่ใช่กฎหมายเพียงอย่างเดียว

แต่ถ้าไม่ผ่าน หมายถึงว่าถอยหลังไปเริ่มต้นใหม่หาร 100 ก็ไม่ได้ หาร 500 ก็ไม่ได้ ก็จะขัดรัฐธรรมนูญ ก็บอกเลยว่าถ้าจะเอาหาร 100 ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 93 มาตรา 94 ใหม่ เพื่อตัดคำว่า “พึงมี” ออกไป

หรือถ้าจะแก้ให้ใช้สูตรหาร 500 ก็ต้องกลับไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 91 ใหม่ เพื่อตัดคำว่า สัมพันธ์ทางตรงออกไปจากรัฐธรรมนูญ