จากแหล่งปลูกฝิ่น สู่โครงการหลวงเลอตอ ดันสินค้าขายในโลตัส 78 สาขา

โครงการหลวงเลอตอ
ภาพจากเว็บไซต์ maeramat

จากแหล่งปลูกฝิ่นไร่เลื่อนลอย สู่โครงการหลวงเลอตอ ดันสินค้าเกษตรกรชาวเขา ทั้งพืช ผัก ผลไม้ ขึ้นวางจำหน่ายในโลตัส 78 สาขาทั่วประเทศ 

วันที่ 4 มีนาคม 2567 โลตัส ได้สนับสนุนสินค้าพืชผัก ผลไม้จากเกษตรกรชาวเขาในเครือข่ายโครงการหลวงมาเป็นระยะเวลากว่า 29 ปี นับตั้งแต่ปี 2538 และในปี 2566 ได้ขยายความร่วมมือด้วยการรับซื้อสินค้าจากโครงการหลวงเลอตอ เข้ามาจัดจำหน่ายในมหกรรมสินค้าโครงการหลวง “เลอตอสู่โลตัส” ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนขยายเป็นปีที่ 2 จัดมหกรรมดังกล่าวขึ้นที่โลตัส รามอินทรา ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.-11 มี.ค. 2567 พร้อมจัดบูทจำหน่ายสินค้าโครงการหลวงในโลตัสไฮเปอร์มาร์เก็ตกว่า 78 สาขาทั่วประเทศ

สำหรับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ เป็นโครงการหลวงแห่งที่ 39 ตั้งอยู่ที่บ้านเลอเตอ ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2559 ก่อนจะมาเป็นโครงการหลวงเลอตอนั้น ในอดีตเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นไร่เลื่อนลอยมาก่อน ซึ่ง “เลอตอ” เป็นภาษากะเหรี่ยง หมายถึง หินสองก้อนใหญ่ซ้อนทับกันอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน และเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาสลับซับซ้อนในพื้นที่ห่างไกลและเป็นพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ระมาด

การก่อตั้งโครงการหลวงแห่งนี้ขึ้นมา จุดประสงค์หลักก็คือกำจัดการปลูกฝิ่น และเพื่อวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิสังคมบนพื้นที่สูง และเพื่อพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ พร้อมกับมีการส่งเสริม ฟื้นฟู และอนุรักษ์สภาพแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและการตลาดสินค้าโครงการหลวง และรักษาดินและใช้พื้นที่ให้ถูกต้อง คือให้ป่าอยู่ในส่วนที่เป็นและทำไร่ ทำสวน ในส่วนที่ควรเพาะปลูกอย่าให้สองส่วนนี้รุกล้ำซึ้งกันและกัน

โครงการหลวงเลอตอ
ภาพจากเว็บไซต์ maeramat

นอกจากนั้นยังมีภารกิจด้านการสร้างอาชีพทดแทน เริ่มต้นด้วยการศึกษาวิจัยการเจริญเติบโตของพืชต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และส่งเสริมการผลิตพืชปลอดภัยเป็นทางเลือกแก่เกษตรกร จากจุดเล็ก ๆ เพื่อเป็นตัวอย่าง เกษตรเริ่มแรกเพียง 10 ราย จึงขยายออกไปปัจจุบันนี้มีจำนวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากกว่า 130 ราย

มีพืชสร้างอาชีพสำคัญได้แก่ คะน้าฮ่องกง หัวไชเท้า เสาวรส สตรอว์เบอรี่ กาแฟและพืชไร่ เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท/ปี สูงกว่ารายได้จากฝิ่น และการปลูกข้าวโพด

รวมทั้งยังใช้พื้นที่เพาะปลูกน้อยกว่าข้าวโพดถึง 14 เท่า โดยล่าสุดที่กำลังได้รับความนิยม คือ “เสาวรส” เพราะการเก็บเกี่ยวสามารถรอได้ ผลผลิตออกช่วงปลายฝนซึ่งตรงกับวิถีชาวบ้าน ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งปลูกพืชพรรณเมืองหนาวที่สร้างรายได้มั่นคงและยั่งยืนให้กับชาวบ้าน

สินค้าโครงการหลวงจำหน่ายโลตัส 78 สาขา

ทั้งนี้ โลตัสได้ร่วมมือกับโครงการหลวง รับซื้อผลผลิตมาวางจำหน่ายเป็นระยะเวลากว่า 29 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง กว่า 13,000 รายและในปี 2566 เป็นปีแรกที่ได้รับซื้อสินค้าเกษตร พืชผัก ผลไม้จากโครงการหลวงเลอตอ

และในปี 2567 ได้เดินหน้าจัดงานมหกรรมสินค้าโครงการหลวง “เลอตอสู่โลตัส” ปีที่ 2 ที่ โลตัส รามอินทรา ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์-11 มีนาคม 2567 พร้อมจัดบูทจำหน่ายสินค้าโครงการหลวงในโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ตกว่า 78 สาขาทั่วประเทศ

“มนต์ชัย อินทรพรอุดม” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานปฏิบัติการธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต โลตัส กล่าวว่า
โลตัสได้ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง มาเป็นเป็นปีที่ 29 เพื่อช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวเขา และผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารคุณภาพสูง ปลอดภัยได้มาตรฐานในราคาที่เอื้อมถึง

ทั้งนี้ เพราะโลตัส ดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน คำนึงถึงการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึง สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้สามารถเติบโตไปได้พร้อมกัน

การร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวง ทำให้โลตัสมีโอกาสเข้าไปสนับสนุนและทำงานร่วมกับ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ” ในพื้นที่ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก นอกเหนือจาก 38 ศูนย์ที่ร่วมกันก่อนหน้านี้ เพื่อร่วมส่งเสริม สนับสนุน วางแผน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร และพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนและเกษตรกรที่ดีขึ้น ภายใต้โครงการเลอตอสู่โลตัส เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเขา เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวเรา

โลตัส โครงการหลวง

“พรเพ็ญ นาถพิริยรัตน์” รองผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลคุณภาพสินค้า โลตัส กล่าวว่า ปีนี้โลตัส ได้เพิ่มการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากโครงการหลวงผ่านสาขากว่า 78 สาขา และช่องทางออนไลน์ Lotus’s SMART Apps จากปีที่แล้ว วางจำหน่ายได้เพียง 10 สาขาในกรุงเทพฯ

โดยโลตัสมีแผนเพิ่มการรับซื้ออย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนของสินค้าจาก 3% ในกลุ่มสินค้าเกษตรของโลตัส มาเป็น 7% หรือ 10% ตามเป้าหมาย เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวเขาในเครือข่ายของโครงการหลวง

สินค้าไฮไลต์

สินค้าไฮไลต์ ได้แก่

  • ผักและผลไม้ อาทิ เคพกูสเบอรี่, สตรอว์เบอรี่ พันธุ์พระราชทาน 80 และ 89, เสาวรส, แบล็กเบอรี่, กะหล่ำปลีหัวใจ, มะเขือเทศราชินี, มะเขือเทศเนื้อ, ผักกาดหอมห่อ, ฟักทองญี่ปุ่น, กลุ่มผักสลัด, กลุ่มผักอินทรีย์ และกลุ่มเห็ดเมืองหนาว เป็นต้น
  • ดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกไลซิแอนทัส ที่มีความหมายสื่อถึงมิตรภาพที่ยั่งยืนและความทรงจำดี ๆ, ดอกแคลล่า ลิลลี่ หมายถึงตัวแทนแห่งความสง่างาม, ดอกเอสเตอร์ สื่อความหมายแทนความห่วงใย และดอกสตาติส ที่สื่อความหมายถึงความรักที่ไม่มีวันจืดจาง
  • สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าแปรรูป และอื่น ๆ อาทิ ข้าวกล้อง, ข้าวดอย, ธัญพืช, ชุดชงชา, ชาพร้อมดื่ม (Cold brew), เมล็ดกาแฟ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากผักชนิดเคี้ยว-ผงชงดื่ม “รอยัล โปรเจ็กต์ เวจจี้ พลัส”

โลตัสโครงการหลวง

อย่างไรก็ตาม โลตัสมีแผนเดินหน้าจัดมหกรรมสินค้าคุณภาพจากโครงการหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมเกษตรกรชาวเขาให้มีรายได้ที่ยั่งยืน ความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้สังคมอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำต้นพันธกิจองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน