ทางเลือกใหม่ “เที่ยวคาร์บอนต่ำ” ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน SDGs

ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ใช้พลังงานสูงและปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ปี 2564 และหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

การท่องเที่ยวจึงควรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แนวทางหนึ่งที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นคือ “การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ” (Low Carbon Tourism) ซึ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ดร.พัฒน์ธีรา พันธราธร
ดร.พัฒน์ธีรา พันธราธร

เที่ยวแบบไหนบรรลุเป้า SDGs

ดร.พัฒน์ธีรา พันธราธร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ วิทยาลัยการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเฉพาะจากการขนส่ง โรงแรม และกิจกรรมต่าง ๆ ในจุดหมายปลายทาง

การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำจึงกลายเป็นแนวทางสำคัญในการลดผลกระทบเหล่านี้ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) การใช้พลังงานทดแทน ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ และการเดินทางในระยะใกล้ ล้วนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ การสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในหมู่นักท่องเที่ยว รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20-25% ภายในปี พ.ศ. 2573

และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 ผ่านแผนแม่บทการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ศ. 2555-2593) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเน้นเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ (BCG Model) รวมถึงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566-2570) ที่ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2% ต่อปี และเพิ่มมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล (GSTC) 30% ภายในปี 2570

ADVERTISMENT

โครงการต่าง ๆ เช่น “Eco-Friendly Transport” และโครงการ “7 Greens” ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย เพื่อช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี พ.ศ. 2593

แม้ว่า “การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ” จะเป็นการท่องเที่ยวทางเลือกประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สามารถลดปัญหาโลกร้อน สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสนใจในการพัฒนา รวมทั้งประเทศไทยด้วย

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม จุดหมายปลายทางหลายแห่งยังคงไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ และยังไม่ได้รับการแปลความในเรื่องของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำอย่างถูกต้อง ทำให้ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างกว้างขวางและอาจมีอุปสรรคหลายอย่าง

จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นจึงพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดอุปสรรคเหล่านั้นให้เหลือน้อยลง หรือหมดสิ้นไป

ดร.พัฒน์ธีรากล่าวถึงการศึกษางานวิจัยเรื่อง Exploring Barriers to Low Carbon Tourism Development in Thailand: A Supply-Side Perspective ได้เสนอแบบจำลอง BLTD (Barriers to Low Carbon Tourism Development) ซึ่งแบ่งอุปสรรคในการพัฒนาการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ดังนี้

BLTD เผย 3 อุปสรรคของไทย

1.อุปสรรคที่เกี่ยวกับข้อจำกัดของโครงสร้าง (Structure Constraints) ประกอบด้วย ขาดธุรกิจบริการที่เป็นลักษณะคาร์บอนต่ำที่เพียงพอ งบประมาณจำกัดในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนยังไม่เพียงพอ การขาดการสนับสนุนจากภาครัฐและระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และขาดแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นที่เป็นศูนย์กลางด้านฐานข้อมูลการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ

2.อุปสรรคที่เกี่ยวกับข้อจำกัดภายในตัวบุคคล (Intrapersonal Constraints) ประกอบด้วย การขาดความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ไม่มีแผนงานหรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในองค์กร การทำงานไม่ต่อเนื่อง และขาดการติดตามผล

3.อุปสรรคที่เกี่ยวกับข้อจำกัดระหว่างตัวบุคคล (Interpersonal Constraints) ประกอบด้วย ปัญหาการสื่อสารและภาษาระหว่างหน่วยงาน ความไม่พร้อมขององค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการร่วมมือพัฒนา ความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ของภาคส่วนต่าง ๆ และการขาดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ

แม้ว่าการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำจะเป็นแนวทางที่น่าสนใจ แต่การนำไปปฏิบัติยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ อุปสรรคที่เกี่ยวกับข้อจำกัดด้านต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะต้องมีแนวทางแบบองค์รวม ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนากลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรม

รัฐบาลควรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทางการเงินและนโยบาย เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง ในอนาคตการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำควรถูกบูรณาการเข้ากับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น พร้อมทั้งวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน จะช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ